Vivo Y50 เป็นสมาร์ตโฟนหนึ่งในสองรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Y Series เปิดราคามาที่ 7,999 บาท โดยรวมถือว่ามีความน่าสนใจในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าจอขนาดใหญ่ Ultra O Screen ชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 665 ให้กล้องหลังมาถึง 4 ตัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูพรีเมียมอีกด้วยครับ
สเปค Vivo Y50
- ชิปประมวลผล Qulacomm Snapdragon 665
- RAM 8GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB รองรับ MicroSD ได้สูงสุด 256 GB
- หน้าจอ Ultra O Screen ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+
- กล้องหลัง 4 ตัว
- กล้องหลัก 13MP
- กล้องเลนส์ Super Wide-angle 8MP
- กล้องเลนส์ Bokeh 2MP
- กล้องเลนส์ Macro 2MP ถ่ายภาพระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร
- กล้องหน้า 16MP
- รองรับ 2 ซิม ถาดซิมแบบ 3 Slot
- Android 10 ครอบด้วย FunTouch OS 10
- แบตเตอรี่ 5000 mAh พร้อมอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 10W
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง และรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
- พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C
- ราคาเปิดตัว 7,999 บาท
อุปกรณ์ที่แถมมาให้ในกล่อง vivo Y50 ก็ได้แก่
- เคสใส TPU แบบนิ่ม
- ฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้ตั้งแต่ในกล่อง
- อะแดปเตอร์ชาร์จแบบ USB จ่ายไฟได้ 5V 2A (10W)
- สาย USB Type-C
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
และที่เหมือนเดิมก็คือไม่มีแถมหูฟังมาให้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสมาร์ตโฟนรุ่นเล็กอยู่แล้ว แต่ก็สามารถใช้หูฟังทั่วไปได้เลย ตัวเครื่องรองรับพอร์ต 3.5 มิลลิเมตรครับ
ดีไซน์ หน้าตาของ Vivo Y50
ตัวเครื่อง Vivo Y50 มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ 6.53 นิ้วแบบ Ultra O Screen ที่มีอัตราส่วนหน้าจอต่อพื้นที่ด้านหน้า (Screen to Body Ratio) สูงถึง 90.77% เรียกได้ว่าบริเวณด้านหน้าตัวเครื่อง แทบจะเป็นหน้าจอทั้งหมด ส่งผลให้ขนาดตัวเครื่องไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป
กล้องหน้า 16MP ของ Vivo Y50 ถูกฝังไว้ใต้หน้าจอบริเวณมุมขวาบน เป็นตำแหน่งที่รบกวนสายตา และส่งผลต่อการใช้งานน้อยมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมคอนเทนต์ ไปจนถึงการเล่นเกม ด้วยความที่ตำแหน่งดังกล่าว เป็นส่วนที่ถูกสัมผัสหน้าจอน้อยที่สุดนั่นเอง
จุดที่ Vivo Y50 ออกแบบมาได้แตกต่างจาก Vivo Y Series รุ่นก่อนหน้าก็คือการใช้กระจกแบบ 2.5D Glass ที่มีความโค้งมนบริเวณขอบหน้าจอ รอบนี้ขอบไม่บาดมือเวลาใช้งานแล้ว ส่วนใครที่กังวลเรื่องการปกป้องหน้าจอ จะหาฟิล์มกันรอยติดยากไหม? ก็สบายใจได้ครับ เพราะ Vivo Y50 ติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ที่โรงงานแล้ว เรียกได้ว่าพร้อมใช้งานทันที
คุณภาพการแสดงผลบนหน้าจอของ Vivo Y50 ที่ใช้จอความละเอียดระดับ Full HD+ นั้นก็จัดว่าอยู่ในระดับที่ดี ภาพสวย เนียน สีสันอาจจะไม่จัดจ้านมากนัก แต่ก็ได้มุมมองภาพที่กว้างในแบบฉบับของจอ IPS อยู่เช่นเคย ระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติก็ทำหน้าที่ได้ดี
ด้านหลังของ Vivo Y50 มาพร้อมการออกแบบตัวเครื่องที่มีความโค้งแบบ 3D Micro Arc รวมถึงขนาดตัวเครื่องที่บางเบา ทำให้การจับถือสะดวก โดยเครื่องที่ทางเราได้รับมารีวิวจะเป็นสี Starry Black เปรียบเสมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มีการไล่ระดับสีอย่างลงตัว เสมือนแสงของดวงดาวที่ส่องประกาย และเมื่อมีแสงเงาตกกระทบบนตัวเครื่อง จะส่งผลให้เกิดมุมมองสีสันที่แตกต่างกัน ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
กล้องหลังทั้ง 4 ตัวของ Vivo Y50 ถูกจัดวางไว้ที่แถบซ้ายบนของเครื่องในรูปแบบของฐานสี่เหลี่ยมที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้ ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นบริเวณที่สามารถแตะปลายนิ้วชี้ลงไปได้พอดี ความเร็วในการตอบสนองและความแม่นยำก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ปลดล็อกเร็ว มีความแม่นยำสูง
บริเวณด้านบนของ Vivo Y50 นั้นไม่มีพอร์ตใด ๆ อยู่เลย ส่วนด้านล่างมีทั้งช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม. ถัดมาเป็นช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ช่อง USB Type-C และลำโพงหลักของเครื่อง ฝั่งขวาก็จะมีแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และก็ปุ่ม power ส่วนฝั่งซ้ายมีถาดใส่ซิมแบบ 3 Slot คือมีช่องใส่นาโนซิม 2 ช่อง รองรับ 4G พร้อมกันทั้งสองช่อง แล้วก็ช่อง MicroSD สำหรับเพิ่มความจุ
ซอฟต์แวร์ของ Vivo Y50
Vivo Y50 มาพร้อมกับ Android 10 ครอบด้วย Funtouch OS 10 ที่ได้รับการปรับแต่งมาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย แอปที่ติดตั้งทั้งหมดจะอยู่บนหน้าโฮม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Funtouch OS จาก Vivo มายาวนาน แอปติดเครื่องนอกเหนือจากแอปของ Google ก็มีให้มาพอสมควร เช่น แอปปฏิทิน แอปช่วยจัดการระบบ แอปจัดการไฟล์ แอปสำหรับการแชร์ไฟล์ระหว่างเครื่อง แอปจดบันทึก เป็นต้น
หนึ่งสิ่งที่น่าสนใจใน FunTouch OS 10 ก็คือ เอฟเฟ็กต์แบบไดนามิก ที่เพิ่มลูกเล่นบริเวณหน้าจอมากขึ้น ทั้งในการเปิดปิดหน้าจอ, การชาร์จไฟ, ไปจนถึงเอฟเฟ็กต์ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi Smart Sceneที่สามารถช่วยดูแลสุขภาพ มีการแจ้งดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ รวมถึงช่วยวางแผนการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง หรือการเดิน โดยอิงเกณฑ์จาก น้ำหนัก และส่วนสูงของผู้ใช้งาน
กล้องถ่ายรูปของ Vivo Y50
Vivo Y50 มาพร้อมกล้องหลังถึง 4 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล, กล้องเลนส์มุมกว้าง Super Wide-angle 8 ล้านพิกเซล, กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh 2 ล้านพิกเซล โดยตัวกล้อง Bokeh จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในด้านการเบลอฉากหลังเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมดรูรับแสง ส่วนการถ่ายภาพด้วยเลนส์มุมกว้างนั้น ตามสเปคจะให้มุมที่กว้างถึง 120 องศา แต่ในการถ่ายจริง จะได้ภาพมุมกว้างที่ 108 องศา เนื่องจากมีการใช้ซอฟต์แวร์ลดความบิดเบี้ยวของภาพนั่นเองครับ
ภาพถ่ายทั่วไปที่ได้จากกล้องของ Vivo Y50 ก็อยู่ในระดับมาตรฐานสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน สีสันไม่จัดจ้านเกินไป การตัดขอบเบลอก็ทำได้ค่อนข้างดี ที่สำคัญคือเลนส์มุมกว้าง Super Wide-angle นี่ถ่ายได้กว้างสะใจมาก ๆ เหมาะทั้งคนที่ชอบถ่ายภาพทิวทัศน์ (Landscape) หรือจะใช้ถ่ายคนพร้อมกับฉากหลังก็ทำได้เช่นกัน
ภาพถ่ายด้วยเลนส์ Super Wide-angle
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ Vivo Y50 ก็มาพร้อมกับโหมดถ่ายเซลฟี่ตามมาตรฐานของกล้องหน้าสมาร์ตโฟนในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นโหมดภาพคนที่มาพร้อมเอฟเฟ็กต์ Bokeh พร้อมแต่งสวยด้วยโหมดใบหน้าสวย ที่ปรับแต่งได้ละเอียดในระดับหนึ่ง รวมถึงการถ่ายกลางคืนด้วย Super Night Selfie ก็สามารถใช้กล้องหน้าได้ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหน้า vivo Y50
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัก vivo Y50
โหมดถ่ายกลางคืน Super Night ของ Vivo Y50 ถูกใส่มาทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยคุณสมบัติของโหมดดังกล่าว จะสามารถวิเคราะห์ภาพวิวทิวทัศน์กลางคืนได้อย่างชาญฉลาด ลดการเกิดนอยส์ของภาพ และจุดที่สว่างมากเกินไป รวมถึงช่วยปรับปรุงค่าความสว่าง และความคมชัดของภาพ
เปรียบเทียบระหว่าง Super Night Mode กับโหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Super Night Mode – Vivo Y50
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Vivo Y19
ฟังก์ชันตัวช่วยสำหรับการเล่นเกมของ Vivo Y50 มาในชื่อของ Game Center ที่จะตรวจจับเกม และเพิ่มเข้ามาในนี้ให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้แทบไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มเกมเองเลย หรือถ้าเกมไหนไม่ถูกเพิ่มเข้าไปใน Game Center ผู้ใช้สามารถเพิ่มเองได้ครับ
ส่วนความสามารถของ Game Center ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเล่นเกมได้ก็เช่น การปิดระบบแจ้งเตือน การบล็อกสายโทรเข้า ไปจนถึงการปรับแต่งเสียงของเราเวลาที่ Call ในเกม รวมถึงเก็บสถิติการเล่นเกมนั้น ๆ ได้ ว่าในแต่ละสัปดาห์ ใช้เวลาเล่นเกมไปทั้งหมดกี่ชั่วโมง
ประสิทธิภาพและการเล่นเกมบน Vivo Y50
Vivo Y50 เลือกใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 665 ที่เป็นชิป 8 คอร์ระดับกลางเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยชิปเซ็ตรุนดังกล่าวถูกใช้ในสมาร์ตโฟนมาหลายต่อหลายรุ่น แล้วก็เป็นหนึ่งในชิปของ Qualcomm ที่ผมมองว่าทำงานได้อย่างเสถียร และค่อนข้างประหยัดพลังงาน สามารถเล่นเกมยอดนิยมได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ROV, PUBG Mobile หรือแม้แต่ Call of Duty Mobile ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน
ในการเล่นเกม RoV
สามารถปรับกราฟิกระดับสูงสุดได้สบาย เมื่อเปิดโหมดเฟรมเรตสูง
สามารถทำเฟรมเรตออกมาโดยเฉลี่ย 59 – 60 fps เลยทีเดียว
แต่ส่วนตัวผมพบข้อสังเกตบางอย่างตอนเล่นเกมบน Vivo Y50 คือแม้ตัวเครื่องจะรันเกมได้อย่างลื่นไหล แต่ในการตอบสนองเรื่องทัชสกรีน ส่วนตัวผม (ย้ำอีกทีว่าส่วนตัว) รู้สึกว่าตัวเครื่องตอบสนองการทัชสกรีนได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงได้ลอกฟิล์มกันรอยออก พบว่าตัวเครื่องตอบสนองการทัชสกรีนได้ดีขึ้น สามารถเล่น RoV ด้วยฮีโร่ที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่น Zill หรือฮีโร่ต้องการความแม่นยำในการ Skillshot อย่าง Raz ได้สบาย ๆ
อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้เล่นเกมมากนัก ผมว่าใช้ฟิล์มกันรอยที่แถมมาให้แต่แรกก็ได้เช่นกันครับ ประหยัดเงินค่าฟิล์มไปได้หลายบาทอยู่
พระเอกที่ทำให้การเล่นเกมบน Vivo Y50 ออกมาลื่นไหลแทบจะทุกเกม อยู่ที่การมีของ Multi-Turbo 3.0 ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี VPG (Vivo Process Guardian) ที่ช่วยให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ AI Turbo ที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด สามารถวิเคราะห์ปัญหาของระบบที่เกิดจากแอปพลิเคชั่นได้ล่วงหน้า
นอกจากนี้ AI Turbo ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการการเปิดใช้งาน และการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น และสามารถเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นที่ใช้บ่อยได้เร็วขึ้นถึง 20%
ภาพรวม Vivo Y50
โดยรวมแล้ว Vivo Y50 เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานในภาพรวมได้เป็นอย่างดีครับ ทั้งหน้าจอแบบ Ultra O Screen ขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ ชิปประมวลผลรุ่นยอดนิยมอย่าง Snapdragon 665 พร้อม RAM ที่สูงถึง 8GB รวมถึงความจุที่มากถึง 128GB จะเป็นการใช้งานทั่วไป โซเชี่ยล ท่องเว็บไซต์ หรือเล่นเกมก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา ด้านการจัดการพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh จึงสามารถใช้งานยาวนานได้สบาย ๆ อีกทั้งมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
ส่วนเรื่องการถ่ายรูป Vivo Y50 มาพร้อมกับกล้องหลังถึง 4 ตัวด้วยกัน ทำให้สามารถตอบโจทย์การถ่ายภาพได้หลากหลาย โดยเฉพาะการมีกล้อง Super Wide-angle ที่ให้มุมมองกว้างสะใจ หรือจะเป็นการใส่เลนส์ Macro ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ส่วนในสถานการณ์ที่แสงน้อย Vivo Y50 ก็ยังมีโหมดกลางคืนอย่าง Super Night เข้ามาช่วยเติมเต็มให้สามารถถ่ายภาพได้ในทุกสถานการณ์อีกด้วย
เมื่อเทียบสิ่งที่ได้รับจาก Vivo Y50 ที่มีราคาเปิดตัว 7,999 บาท ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนราคาต่ำหมื่นที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาดครับ