iPhone 11 มือถือพรีเมี่ยม สเปคแรงยอดนิยมของคนไทยตอนนี้ ซึ่งในอีกไม่นาน Apple ก็จะเปิดตัว iPhone 12 แล้ว ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูงาน Apple Special Event เมื่อปีที่แล้วเราคาดหวังว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วของจริงออกมาเป็นอย่างไร นอกจากนี้เราจะมาวิเคราะห์กันด้วยว่าตอนนี้ยังน่าซื้ออยู่ไหม หรือควรรอ iPhone 12 ไปเลยดี
สิ่งที่คาดหวังใน iPhone 11 ก่อนเปิดตัว
ในช่วงแรกภาพของ iPhone 11 นั้นดูละม้ายคล้าย iPhone XS มาก ทั้งขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว, 6.1 นิ้ว และ 6.5 นิ้ว อีกทั้งยังมีการบอกอีกด้วยว่าจะมี 2 รุ่นที่ใช้หน้าจอ OLED เหมือน iPhone XS และ XS Max และอีกรุ่นที่เหลือจะเป็นจอ LCD แบบเดียวกับ iPhone XR นอกจากนี้ยังคาดกันอีกว่าตัวบอดี้ที่เป็นกระจกจะทำการเคลือบด้านแทนที่จะทำให้มันวาว
อีกทั้งยังคาดหวังให้มีมาตราฐานกันน้ำที่ดีขึ้น ทนทานขึ้น ปรับปรุงเรื่องดีไซน์ และแก้ไขกล้องหน้าจากรุ่นก่อน เพิ่มกล้องหลัง 3 ตัว ดีไซน์กรอบสี่เหลี่ยม มีเลนส์เทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล, เลนส์มุมกว้าง 12 ล้านพิกเซลและเลนส์มุมกว้างพิเศษ 12 ล้านพิกเซลใหม่แก้ไขฟีเจอร์ของกล้อง ให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น ระบบซูมภาพที่มากขึ้น และมุมมองที่กว้างขึ้น
ข่าวลือก่อนหน้านั้นยังมี Apple pencil สำหรับไอโฟนรุ่นใหม่ออกมาอีกด้วย ฟีเจอร์ใหม่บางตัวที่น่าเป็นไฮไลต์คือ การชาร์จแบบไร้สายที่เหมือนกับมือถือ Samsung โดยของ Apple จะนำมาชาร์จ AirPods
คาดว่า iPhone ใหม่นี้จะรองรับคุณสมบัติ Wi-Fi 6 ที่เร็วขึ้น (802.11x) ใช้ชิป A13 จาก TSMC การอัปเกรดชิปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังมีข่าวลือว่าจะเพิ่มตัวประมวลผลใหม่ “AMX” หรือ “เมทริกซ์” สำหรับการจัดการงานคำนวณทางคณิตศาสตร์ อาจจะเป็นเพิ่มความสมจริงหรือความสามารถของกล้องใหม่บางตัว
ไอโฟนรุ่นใหม่อาจใช้พอร์ต USB-C แทนที่จะเป็นพอร์ต Lightning ใน iPhone ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าการเปลี่ยนพอร์ตในปีนี้ เพราะข่าวก่อนหน้านั้น มีหลุดรูปของอะแดปเตอร์ 18W USB-C ใหม่และสาย USB-C สำหรับชาร์จเร็วจะมีแถมมาให้ในกล่องด้วย
สิ่งที่ได้ใน iPhone 11 หลังเปิดตัว
หลังจากที่เปิดตัวเมื่อเทียบกับข่าวหลุดรวมถึงสิ่งที่เหล่าผู้ใช้คาดหวังนั้นก็มีทั้งที่ถูกใจและผิดหวังไปพร้อม ๆ กัน โดยในเรื่องดีไซน์นั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างเหมือนที่ข่าวหลุดปล่อยออกมากัน ก็คือในรุ่นเริ่มต้นจะใช้หน้าจอ LCD เหมือนเดิม ส่วนในรุ่น Pro ก็ใช้จอ OLED เช่นเดิม อีกทั้ง notch หรือที่เราเรียกว่าติ่งก็ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนคาดหวังกันเรื่องกล้องตัวที่ 3 นั้นก็กลายเป็นความจริงขึ้นมา เพราะในรุ่น Pro นั้นจะมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวนั่นเอง นอกจากนี้ในเรื่องตัวเครื่องนั้นได้มีการเปลี่ยนไปใช้เป็นกระจกในทุกรุ่น ซึ่งทาง Apple เคลมว่าเป็นกระจกที่แข็งแรงและทนทานที่สุดอีกด้วย
iPhone 11
เปิดตัวมาด้วยคอนเซ็ปต์ ” พอเหมาะพอดีไปซะทุกอย่าง ” ทั้งระบบกล้องคู่ใหม่ที่ให้คุณเก็บภาพสิ่งที่คุณเห็นและรักได้เต็มตามากขึ้น ชิพที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวันที่ให้คุณทำอะไรๆ ได้มากขึ้นแต่ชาร์จน้อยลง ประกอบกับวิดีโอคุณภาพสูงที่สุดในสมาร์ทโฟนชัดเลยว่าครั้งนี้ความทรงจำของคุณจะดูดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ระบบกล้องคู่แบบใหม่หมด
ต่อยอดภาพมุมกว้างของคุณให้กว้าง แบบสุดๆ โดยอินเทอร์เฟซที่ออกแบบใหม่จะใช้กล้องอัลตร้าไวด์ใหม่ เพื่อแสดงสิ่งเกิดขึ้นนอกเฟรมให้คุณเห็น และให้คุณเก็บภาพไว้ได้ ส่วนการถ่ายและปรับแต่งวิดีโอก็ทำได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากรูปถ่ายเลย เพราะนี่คือกล้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งครั้งนี้มาพร้อม มุมมองใหม่หมด
ถ่ายและปรับแต่งวิดีโอคุณภาพสูงที่สุดในสมาร์ทโฟน
กล้องทุกตัวถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่ 60 fps ได้สวยงามคมชัด โดยกล้องอัลตร้าไวด์สามารถเก็บภาพ ได้กว้างขึ้น 4 เท่า จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายช็อตแอ็คชั่น อย่างตอนที่สุนัขของคุณกระโดดงับจานร่อน หรือถ้าเกิดว่าคุณ ใช้บันทึกการแสดงอย่างงานแสดงเปียโนของลูก เวลาที่คุณ ซูมเข้า เสียงก็จะซูมเข้ามาด้วย แถมตอนนี้คุณยังปรับแต่งวิดีโอ ได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากรูปถ่ายเลย
กล้องอัลตร้าไวด์ใหม่
ด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ใหม่ ที่เก็บภาพได้กว้างขึ้น 4 เท่า ถ้าอยากรู้ว่ากว้างแค่ไหน ก็ลองนึกถึง ภาพทิวทัศน์อันงดงามที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ภาพทั้งเวที พร้อมผู้ชมมหาศาลในงานเทศกาลดนตรี หรือไม่ก็ภาพถ่าย ทริปวันหยุดแบบเก็บครบทั้งครอบครัวพร้อมวิวฉากหลัง สุดอลังการที่คุ้มค่ากับการเดินทางมาตั้งไกลดูสิ
โหมดกลางคืน
การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ไม่ได้หมายความว่าต้องถ่ายแบบมืดๆ เสมอไป เพราะคุณสมบัติใหม่อย่างโหมดกลางคืนจะทำงานเอง โดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณได้ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน งานนี้ไม่ต้องง้อแฟลช แถมภาพก็ยังมีสีสันเป็นธรรมชาติและสว่างมากขึ้นด้วย
ภาพถ่ายบุคคลที่สวยล้ำไปอีกขั้น
กล้องคู่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ภาพถ่ายให้ออกมาสวยงาม น่าทึ่ง ทั้งภาพถ่ายบุคคลในรูปแบบใหม่ๆ และการควบคุมแสง ที่มากกว่าเดิม และตอนนี้โหมดภาพถ่ายบุคคลก็ยังใช้ได้กับ ทุกอย่างที่คุณอยากถ่าย ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงเพื่อนรัก อย่างเพื่อนสี่ขาของคุณด้วย
เอฟเฟ็กต์แสงไฟขาวดำไฮคีย์ใน iOS 13 จะเปลี่ยนภาพถ่ายบุคคลของคุณ ให้กลายเป็นภาพถ่ายขาวดำแสนสวยในสไตล์สตูดิโอ และคุณสมบัติ “การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล” ก็ยังให้คุณสร้างสรรค์ลุคที่คุณอยากได้ ด้วยการเปลี่ยนความเข้มของแสงบนตัวแบบที่คุณถ่าย
เปลี่ยนจาก ภาพนิ่งไปเป็นวิดีโอ ได้เร็วฉับไว ไม่พลาด แม้ก้าวแรกของลูกคุณ
เริ่มต้นถ่ายวิดีโอได้ทันทีด้วย QuickTake ถ่ายวิดีโอได้ง่าย ๆ ขณะอยู่ในโหมดรูปภาพ ด้วยการกดชัตเตอร์ค้างไว้ จากนั้นแค่ ปัดไปทางขวาก็บันทึกวิดีโอต่อได้เลย ซึ่งหากว่าคุณถ่ายกลางแจ้ง ชิพ A13 Bionic ก็สามารถใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อติดตาม สิ่งที่เคลื่อนไหวได้โดยอัตโนมัติ
ถ่ายเซลฟี่แบบสโลว์โมชั่น
Slofie ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูเจ๋งกว่าเดิม ที่ 120 fps ต่อให้คุณจะแค่ยิ้มกว้างๆ โบกมือทักทาย หรือปล่อยผมสยายไปตามลม แถมตอนนี้คุณก็ยังเก็บ อะไรต่อมิอะไรในการเซลฟี่ของคุณได้มากขึ้นอีก ซึ่งคง ต้องยกความดีให้กล้อง TrueDepth ความละเอียด 12MP เพียงแค่หันไปทางวิวที่คุณต้องการถ่าย กล้องก็จะซูมออกโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เก็บอะไรต่างๆ ได้มากขึ้น
ออกแบบมาให้รับมือได้ทั้งกับน้ำที่หกและน้ำที่กระเด็นใส่
กระจกที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟน : กระจกด้านหน้าและด้านหลังได้รับการเสริมความแข็งแรงด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่
ทนน้ำได้ลึกเป็นสองเท่า : ทนน้ำได้ลึกถึง 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ซึ่งลึกกว่า iPhone XR ถึงสองเท่า (IP68)
ชาร์จครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งวัน
แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ จะทำงานร่วมกันเพื่อใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ของคุณ อย่างเต็มประสิทธิภาพ และความสามารถในการ ชาร์จเร็วยังช่วยให้คุณใช้เวลาในการชาร์จน้อยลงด้วย
Pro ไม่เว้นแม้แต่ชิพ
iPhone 11 / 11 Pro ต่างก็มีชิพที่เร็วที่สุด เท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนด้วยกันทั้งคู่ ด้วยความที่ ชิพ A13 Bionic นั้นทรงพลังสุดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ คุณทำจึงรวดเร็วและลื่นไหลไปหมด แถมยังทำงาน ในแบบประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แบตเตอรี่ ของคุณจึงใช้งานได้นานขึ้น ซึ่งถ้าจะพูดกันตามตรง ก็คงต้องบอกว่าชิพ A13 Bionic นั้นไม่ใช่แค่ล้ำหน้า แต่ล้ำไปไกลหลายขุมเลยล่ะ
อื่น ๆ
- ความสามารถในการชาร์จเร็ว : ชาร์จแบตเตอรี่ได้สูงสุด 50% ภายในเวลาเพียง 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ (จำหน่ายแยกต่างหาก)
- Wi-Fi ที่เร็วขึ้น : Wi‑Fi 6 (802.11ax) ให้คุณดาวน์โหลดคอนเทนต์ ได้เร็วขึ้นสูงสุด 38%
- ย่านความถี่ LTE สูงสุด 30 ย่าน : 4G LTE Advanced ที่ให้คุณโรมมิ่งทั่วโลกได้แบบครอบคลุมมากที่สุด
- การแชร์เสียง : จับคู่ AirPods หรือหูฟัง Beats สองคู่เข้ากับ iPhone เครื่องเดียว
- ซิมคู่ที่รองรับ eSIM : ให้คุณมีหนึ่งเบอร์โทรศัพท์สำหรับเรื่องงานและอีกเบอร์สำหรับเรื่องส่วนตัว
iPhone 11 Pro
เปิดตัวมาด้วนคอนเซ็ปต์ ” เทิร์น Pro แล้ววันนี้ ” ระบบสามกล้องที่ปฏิวัติมาใหม่มาพร้อมกับความสามารถมากมาย ที่ถึงจะใหม่แต่รับรองว่าไม่มีอะไรซับซ้อน ในส่วนของแบตเตอรี่ ก็ใช้งานได้นานขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังมาพร้อมชิพแรงสุดขั้วที่จะยกระดับการเรียนรู้ของระบบไปอีกขั้น และขยายขอบเขตความเป็นไปได้ให้กับสมาร์ทโฟน ขอแนะนำให้รู้จักกับ iPhone รุ่นแรกที่ทรงพลังสมชื่อ Pro
ระบบกล้องระดับโปรสองดีกว่าหนึ่งแต่สามดีที่สุด
ครั้งแรกกับระบบสามกล้อง ที่นำเทคโนโลยีสุดล้ำมารวมกับ ความเรียบง่ายอันเป็นเอกลักษณ์ ของ iPhone สิ่งที่ได้คือ คุณจะ เก็บภาพได้กว้างขึ้นสูงสุด 4 เท่า และถ่ายภาพได้สวยงามแม้ในที่ ที่มีแสงน้อยลงมากๆ ทั้งยังถ่ายวิดีโอ ที่มีคุณภาพสูงสุดในสมาร์ทโฟน แล้วปรับแต่งด้วยเครื่องมือ ชุดเดียวกันกับที่คุณใช้ปรับแต่ง รูปถ่ายได้ด้วย บอกเลยว่าไม่เหมือน กล้องไหนๆ ที่คุณเคยถ่ายมาแน่นอน
- กล้องอัลตร้าไวด์ : ทางยาวโฟกัส 13 มม. รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 ชุดเลนส์ 5 ชิ้น มุมมองภาพ 120° เก็บภาพได้กว้างขึ้น 4 เท่า เซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP
- กล้องไวด์ : ทางยาวโฟกัส 26 มม. รูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล Focus Pixels 100% เซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP ใหม่
- กล้องเทเลโฟโต้ : ทางยาวโฟกัส 52 มม. รูรับแสงขนาดใหญ่ขึ้นเป็น ƒ/2.0 ชุดเลนส์ 6 ชิ้น ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล ซูมออปติคอลได้ 2 เท่า เซ็นเซอร์ความละเอียด 12MP
วิดีโอระดับ 4K ถ่าย กลับด้าน ซูม ครอบตัด ตัดต่อ เพิ่มแสง ปรับแต่ง แล้วก็ตกหลุมรัก
ให้คุณบันทึกวิดีโอที่สวยงามสมจริง มีรายละเอียดที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น และเคลื่อนไหวได้ไหลลื่นยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังมาพร้อมพลังการประมวลผลที่แรงสุดขีด จึงสามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K ด้วยช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น พร้อมระบบป้องกัน ภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ ทั้งหมดนี้ด้วยอัตราความเร็ว ของเฟรมที่ 60 fps แค่นี้ยังไม่พอ เพราะคุณยังจะสร้างสรรค์ผลงานได้ดังใจยิ่งขึ้น ด้วยการเก็บภาพได้กว้างขึ้นถึง 4 เท่า และมีเครื่องมือปรับแต่งใหม่ๆ อันทรงพลังให้ลองเล่นอีกเพียบ
โหมดกลางคืน เมื่อเทคโนโลยีที่ล้ำมาก มาเจอกับสภาวะแสงน้อย
โหมดกลางคืนใหม่ใช้ซอฟต์แวร์อันชาญฉลาดร่วมกับชิพ A13 Bionic เพื่อให้คุณถ่ายภาพ ในสภาวะแสงน้อยอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนบน iPhone ตั้งแต่ร้านอาหารไฟสลัวจนถึง ชายหาดใต้แสงจันทร์ และทั้งหมดนี้ยังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้คุณยังสามารถทดลอง ปรับค่าต่างๆ ได้ด้วยตัวเองเพื่อเผยให้เห็นรายละเอียดมากขึ้นและลดนอยซ์ให้น้อยลงไปอีก ปิดโหมดกลางคืน
โหมดภาพถ่ายบุคคลภาพถ่ายบุคคลที่ทรงพลังมากขึ้น
เมื่อกล้องทั้งสามทำงานร่วมกัน คุณก็สามารถใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาในภาพถ่ายบุคคล ได้มากยิ่งกว่าที่เคย และ iOS 13 ยังเพิ่มเอฟเฟ็กต์แสงไฟขาวดำไฮคีย์ที่ให้คุณถ่ายภาพขาวดำ ในสไตล์สตูดิโอ ส่วนคุณสมบัติ “การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล” ก็ให้คุณควบคุมความเข้มของแสง เพื่อเน้นความงามของคนในภาพได้เหมือนกับในสตูดิโอ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าสวยแน่
HDR อัจฉริยะ ใครว่ารูปของคุณ จะดูดีกว่านี้ไม่ได้
HDR อัจฉริยะเจเนอเรชั่นถัดไปใช้อัลกอริทึมอันล้ำสมัยเพื่อเนรมิตรายละเอียดส่วนไฮไลท์และเงามืด ในภาพของคุณให้สวยขึ้นทันตา และวันนี้ยังใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้ของระบบเพื่อหาใบหน้าในภาพ แล้วเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้านั้นอย่างชาญฉลาด นั่นหมายความว่า iPhone 11 Pro สามารถปรับ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งตัวคนและฉากหลังให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่กล้อง DSLR บางรุ่นยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จอภาพระดับโปร Super Retina XDR คอนทราสต์คมๆ ที่คอนทราสต์ กับทุกอย่าง
จอภาพ Super Retina XDR ไม่ได้มาพร้อมความสว่างที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์แค่เพียงหนึ่งระดับ แต่มีถึงสอง และยังรู้ด้วยว่าควรใช้แต่ละระดับเมื่อไหร่ โดยความสว่างจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 800 นิตเมื่ออยู่กลางแดด ซึ่งช่วยได้มากเมื่อคุณต้องเลือกรูปทันทีหลังถ่ายเสร็จ และจะเพิ่มความสว่างขึ้นสูงสุดเป็น 1,200 นิต เมื่อคุณดูคอนเทนต์ระดับ Extreme Dynamic Range เรียกว่าเหมือนกับมี Pro Display XDR อยู่บน iPhone ยังไงยังงั้น
ประสิทธิภาพระดับโปรชิพที่ล้ำหน้าสุดๆจนเราเองยังตามแทบไม่ทัน
เราสร้างชิพ A13 Bionic ขึ้นในแบบของเราเองโดยโฟกัสที่เรื่องการเรียนรู้ ของระบบในทุกๆ ส่วนของชิพ เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่ สามารถหาได้จากสมาร์ทโฟนไหนๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงแล้วต้องบอกเลย ว่าทั้งเร็ว ทรงพลัง และฉลาดกว่าชิพอื่นๆ หลายขุม เรียกว่านำหน้าไป ค่อนข้างไกลเลยล่ะ
- สถาปัตยกรรม Fusion แบบ 64 บิต : คอร์ประมวลผลการทำงานจัดการ กับงานที่สลับซับซ้อนได้เร็ว ยิ่งกว่าที่เคย ในขณะที่คอร์ประหยัด พลังงานแบบเฉพาะรับมือกับ งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ผลที่ได้ คือแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น แบบก้าวกระโดด
- CPU เร็วที่สุด ในสมาร์ทโฟน : คอร์ประมวลผลการทำงานทั้ง 2 คอร์ ของ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 20% และ ใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 30% ในขณะที่คอร์ประหยัดพลังงาน ทั้ง 4 คอร์เร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40%
- GPU เร็วที่สุด ในสมาร์ทโฟน : GPU ที่ออกแบบโดย Apple นั้นเร็วขึ้นสูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลงสูงสุด 40% ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและประสบการณ์ AR แบบล่าสุด
- Neural Engine เพื่อการเรียนรู้ของระบบสุดล้ำ : Neural Engine แบบ 8 คอร์ ที่ออกแบบโดย Apple นั้นเร็วขึ้น สูงสุด 20% และใช้พลังงานน้อยลง สูงสุด 15% เรียกว่าเป็นขุมพลัง ในเบื้องหลังที่ขับเคลื่อนทั้งระบบ สามกล้อง, Face ID, แอพ AR และอีกมากมาย
- การเรียนรู้ของระบบที่มาพร้อมตัวเร่งความเร็ว : ตัวเร่งความเร็วใหม่ด้านการเรียนรู้ ของระบบทั้งสองตัวบน CPU ช่วยให้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ แบบเมทริกซ์เร็วขึ้นถึง 6 เท่า ทำให้ CPU สามารถดำเนินการต่างๆ ได้มากกว่า 1 ล้านล้านรายการ ต่อวินาทีี
- Core ML 3 เพื่อการเรียนรู้ของระบบในแอพต่าง ๆ : Core ML 3 ทำงานร่วมกับ ตัวควบคุมด้านการเรียนรู้ของระบบ เพื่อส่งงานต่างๆ ไปยัง CPU, GPU หรือ Neural Engine โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้นักพัฒนาใช้ประโยชน์ จากขุมพลังด้านการเรียนรู้ของระบบ ในชิพ A13 Bionic ได้อย่างเต็มที่
ถ้าแบตเตอรี่อึดเพิ่มอีกซักชั่วโมงก็คงดีแต่นี่เอาไปเลยห้า
- สูงสุด นานขึ้น 4 ชั่วโมง : คือระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone 11 Pro
- สูงสุด นานขึ้น 5 ชั่วโมง : คือระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone 11 Pro Max
- สูงสุด ชาร์จได้ 50% : ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยการชาร์จแบบเร็ว
กระจกที่แข็งแกร่งที่สุดและทนน้ำได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเรา
ตัดแต่งอย่างแม่นยำจากกระจกแผ่นเดียว ด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนไอออนคู่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีมาตราฐานกันน้ำ IP68 ที่ทนน้ำถึงระดับความลึก 4 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
แม่นราวกับตาเห็น
ชิพ U1 ใหม่ที่ออกแบบโดย Apple นั้นใช้ เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ในการรับรู้ตำแหน่ง จึงทำให้ iPhone 11 Pro สามารถเข้าใจตำแหน่งของตัวเองได้อย่างแม่นยำว่าอยู่ตรงไหนโดยจะเทียบกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ ที่มีชิพ U1 ที่อยู่ใกล้ๆ4 ซึ่งก็เหมือนเป็นการเพิ่มประสาทสัมผัสอีกด้านให้กับ iPhone ซึ่งแน่นอนว่าจะนำไปสู่ความสามารถใหม่ๆ อันน่าทึ่งอีกมากมาย
ด้วยชิพ U1 และ iOS 13 เพียงแค่หันตัวเครื่องของคุณไปทางคนอื่น แล้ว AirDrop ก็จะให้ความสำคัญกับเครื่องนั้นเพื่อให้คุณแชร์ไฟล์ต่างๆ ได้เร็วขึ้น4 และนี่ก็เป็นเพียง แค่การเริ่มต้นเท่านั้น
อื่น ๆ
- Dolby Atmos : เสียงเคลื่อนไปรอบๆ ตัวคุณ ในพื้นที่แบบ 3D คุณจึงรู้สึก เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในฉากแอ็คชั่น
- ระบบเสียงสมจริงรอบทิศทาง : สร้างประสบการณ์การฟังที่เต็มอิ่มสมจริงทุกทิศทางในแบบโรงภาพยนตร์
- การแชร์เสียง : วันนี้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ AirPods หรือหูฟัง Beats สองคู่ พร้อมกันได้แล้ว
- การชาร์จแบบเร็ว : รีบแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วง เพราะชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 18 วัตต์ ที่มีมาให้
- การชาร์จแบบไร้สาย : เพียงแค่วางบนเครื่องชาร์จที่ได้รับการรับรอง มาตรฐาน Qi ก็ชาร์จได้แล้ว
- Wi-Fi ที่เร็วยิ่งขึ้น : Wi‑Fi 6 (802.11ax) ให้คุณ ดาวน์โหลดคอนเทนต์ได้เร็วขึ้น สูงสุด 38%
- ย่านความถี่ LTE สูงสุด 30 ย่าน : 4G LTE Advanced ที่ให้คุณโรมมิ่ง ทั่วโลกได้แบบครอบคลุมมากที่สุด
- ซิมคู่ที่รองรับ eSIM : เพิ่มเบอร์ที่สอง หรือจะใช้แผนบริการข้อมูลขณะอยู่ต่างประเทศก็ได้
เทียบสเปค iPhone 11 / 11 Pro / 11 Pro Max
iPhone 11 | iPhone 11 Pro | iPhone 11 Pro Max | |
---|---|---|---|
หน้าจอ | Liquid Retina HD ขนาด 6.1 นิ้ว 828 x 1792 pixels True-tone Wide color gamut 120Hz touch-sensing | Super Retina XDR ขนาด 5.8 นิ้ว 1125 x 2436 pixels HDR10 True-tone Wide color gamut 120Hz touch-sensing | Super Retina XDR ขนาด 6.5 นิ้ว 1242 x 2688 pixels HDR10 True-tone Wide color gamut 120Hz touch-sensing |
ชิปประมวลผล | Apple A13 Bionic | Apple A13 Bionic | Apple A13 Bionic |
แรม | 4GB | 4GB | 4GB |
หน่วยความจำ | 64GB / 128GB / 256GB | 64GB / 256GB / 512GB | 64GB / 256GB / 512GB |
กล้องหลัง | 12MP + 12MP (Ultrawide) | 12MP + 12MP (Ultrawide) + 12MP (Tele) | 12MP + 12MP (Ultrawide) + 12MP (Tele) |
กล้องหน้า | 12MP | 12MP | 12MP |
แบตเตอรี่ | 3,110 mAh PD 2.0 18W | 3,046 mAh PD 2.0 18W | 3,969 mAh PD 2.0 18W |
ราคา | 64GB : 24,900 บาท 128GB : 26,900 บาท 256GB : 30,900 บาท | 64GB : 35,900 บาท 256GB : 41,900 บาท 512GB : 48,900 บาท | 64GB : 39,900 บาท 256GB : 45,900 บาท 512GB : 52,900 บาท |
สำหรับใครที่กำลังสนใจหรือกำลังอยากได้ iPhone 11 สามารถเข้ามาดู โปร iPhone 11 ได้ที่นี่เลย
iPhone 11 ยังน่าซื้ออยู่ไหม
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ Apple ก็จะทำการเปิดตัว iPhone 12 แล้ว ซึ่งหลังจากเปิดตัวไป iPhone 11 Pro / 11 Pro Max ก็จะหายไปจากร้าน Apple ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นใหม่ อาจจะมีราคาแพงขึ้นหรือไม่ก็อาจจะราคาเท่าเดิม แต่ของในกล่องหายไปก็ได้ อันเนื่องมาจากากรที่ตัวเครื่องนั้นได้ชิป 5G มานั่นเอง ทว่าในปัจจุบันที่ยังไม่เปิดตัวนั้นทำให้เรายังไม่รู้เลยว่าโมเด็ม 5G ที่อยู่ใน iPhone จะรองรับทุกคลื่นในไทยไหม เพราะปัจจุบัน 5G ในไทยใช้ได้เพียงแค่คลื่น 2600MHz เท่านั้น ส่วนคลื่น 700MHz จะตามมาทีหลัง
โดยตอนนี้ AIS เริ่มเปิดใช้คลื่น 700MHz แล้ว และอีกไม่นาน Truemove-H ก็จะเปิดตาม แต่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่อย่างน้อย ๆ เร็วสุดก็อาจจะปลายปีหน้าเลยกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งกว่าจะได้ใช้เต็มที่ก็แทบจะถึงเวลาออกเรุ่นใหม่แล้ว ทำให้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องในทันที นอกจากนี้หลัง iPhone 12 เปิดตัวแล้ว รุ่นก่อนทั้ง 3 รุ่นก็จะถูกขายเป็นมือ 2 เยอะขึ้น อีกทั้งยังมีการลดราคาลงอีกด้วย
สำหรับในตอนนี้หากถามว่ายังน่าซื้ออยู่ไหมคงต้องบอกสั้น ๆ ว่ายังน่าซื้ออยู่ อันเนื่องมาจาก 5G ในไทยยังไม่สมบูรณ์ หรือไม่ก็รอซื้อเป็นมือ 2 หลังจากที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่สัก 1-2 เดือน เพราะจะเป็นช่วงที่มีการแข่งกันขายมือ 2 เพื่อเอาเงินไปซื้อรุ่นใหม่แทน ซึ่งถ้าให้แนะนำจริง ๆ สำหรับคนที่กำลังรอใช้ iPhone 5G แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่จำเป็นต้องซื้อ ตอนนี้ขอแนะนำให้ซื้อ iPhone 11 ใช้ไปก่อน เพราะเป็นรุ่นที่ราคาไม่แพงมาก แถมฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยต่างจากรุ่น Pro สักเท่าไร