นอกจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมาร์ตโฟน ช่วงหลังมานี้ก็จะเห็นว่า HUAWEI ได้ทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์สวมใส่หลายรุ่นทีเดียว รวมถึงรุ่นใหม่ล่าสุด HUAWEI WATCH Fit ที่ส่วนตัวผมมองว่าเป็นลูกครึ่งระหว่าง Smart Watch กับ Smartband แต่รับรองว่าถูกใจคนชอบออกกำลังกาย และชอบความคุ้มค่าอย่างแน่นอน ว่าแต่รุ่นนี้ใช้งานเป็นอย่างไร เลื่อนไปอ่านรีวิว HUAWEI WATCH Fit ได้เลยครับ
สเปค HUAWEI WATCH Fit
- หน้าจอ: 1.64 นิ้ว AMOLED / ขอบบางเพียง0.95 มม 326ppi
- ขนาด: 46 x 30 x 10.7 มม.
- ROM: 4 GB
- วัสดุตัวเรือน: ไฟเบอร์โพลิเมอร์
- วัสดุสายรัดข้อมือ: ซิลิโคน
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.0 BLE
- น้ำหนัก : 21 กรัม (ไม่รวมสาย)
- กันน้ำ : 5ATM (50 เมตร)
- เซ็นเซอร์ 6-axis IMU sensor (Accelerometer sensor, Gyroscope sensor), Optical heart rate sensor, Capacitive sensor และ Ambient light sensor
- รองรับการเลื่อนและท่าทางการสัมผัส
- รองรับโหมดออกกำลังกาย 96 โหมด
- คอรส์ฟิตเนส 12 รูปแบบ พร้อมภาพเคลื่อนไหวแนะนำแบบเรียลไทม์
- เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ชาร์จ 1ครั้ง ใช้งานได้ 10 วัน
- สายรัดข้อมือมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Graphite Black, Mint Green, Cantaloupe Orange, Sakura Pink
- ราคา 3,499 บาท
อุปกรณ์ในกล่อง HUAWEI WATCH Fit ประกอบไปด้วย
- นาฬิกา x 1
- แท่นชาร์จ x 1
- สายชาร์จ x 1
- คู่มือเริ่มต้นใช้งาน & ข้อมูลความปลอดภัย & ใบรับประกัน x 1
รีวิว HUAWEI WATCH Fit ดีไซน์ การออกแบบ การสวมใส่
ดีไซน์ของ HUAWEI WATCH Fit จะมีขนาดใหญ่กว่า Smartband ปกติทั่วไป มีความใกล้เคียงกับ Smart Watch ด้วยหน้าจอขนาด 1.64 นิ้ว 326ppi พาแนลแบบ AMOLED กระจกโค้ง 2.5D ดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวขอบจอบางเพียง 0.95 มิลลิเมตร และพอเป็นพาแนลแบบ AMOLED เลยทำให้สามารถใช้งานโหมด Always On หรือโหมดเปิดหน้าจอตลอดเวลา เพื่อใช้ดูเวลาได้ด้วย แลกมากับการที่กินแบตเตอรี่เพิ่มจากเดิมเล็กน้อย
จุดเด่นอีกอย่างของหน้าจอ HUAWEI WATCH Fit ได้แก่ ความสามารถในการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ โดยอ้างอิงจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ขณะที่ใช้งาน นั่นหมายความว่า เมื่อพื้นที่โดยรอบมืด หรือมีแสงน้อย ก็จะปรับแสงหน้าจอลดลง เพื่อไม่รบกวนสายตา แต่ถ้าเป็นการใช้งานกลางแจ้ง ก็จะเร่งความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้น
วัสดุตัวเรือนเป็นไฟเบอร์โพลิเมอร์ที่ออกแบบให้เหมือนกับอลูมิเนียม ตรงนี้จะมองว่าเป็นจุดเด่นก็ได้เช่นกันครับ เพราะวัสดุตัวเรือนที่เป็นไฟเบอร์โพลิเมอร์นั่นมีน้ำหนักที่เบากว่าโลหะ น้ำหนักของตัวเรือนไม่รวมสายอยู่ที่ 22 กรัม ส่วนบริเวณด้านในเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ ที่รองรับการวัดความเข้มข้นของระดับออกซิเจนในเลือด (ฟีเจอร์เหมือนใน Apple Watch Series 6) ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของการสวมใส่ HUAWEI WATCH Fit สำหรับผมคือต้องปรับให้สายมันหลวมสักหน่อยครับ เพราะถ้าใส่พอดีเกินไป บริเวณที่เป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจจะกดที่ข้อมือมากเกินไป
วิธีการสวมใส่กับสายที่ให้มาในกล่อง ก็ใส่แบบสายนาฬิกามาตรฐาน โดยตัวสายนาฬิกาใช้วัสดุเป็นซิลิโคน ให้ความยืดหยุ่น และนิ่ม สวมใส่สบายทีเดียว ส่วนตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใส่ ให้เว้นพื้นที่ว่างตรงข้อมือไว้ความกว้างประมาณ 1 นิ้วชี้ จะเป็นตำแหน่งที่เซ็นเซอร์ทำงานได้ดีที่สุด
การควบคุมนาฬิกาจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือการสัมผัสหน้าจอ ซึ่งใช้งานเป็นการควบคุมหลัก ส่วนปุ่มที่อยู่ด้านข้าง จะใช้แทนปุ่ม Home หรือถ้าในหน้าจอหลัก การกดปุ่มดังกล่าวจะเป็นการเข้าสู่เมนูต่าง ๆ แล้วใช้การสัมผัสหน้าจอเมื่อต้องการใช้งาน
ในหน้าจอหลักของ HUAWEI WATCH Fit การปัดหน้าจอไปทางซ้าย หรือทางขวา จะเป็นการเข้าสู่รายละเอียดต่าง ๆ ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, ความเครียด, พยากรณ์อากาศ, รีโมทย์สำหรับควบคุมเครื่องเล่นเพลงบนโทรศัพท์ และ Activity Record ที่ระบุว่าในวันนี้มีการออกกำลังกายไปเท่าไหร่ เดินไปกี่ก้าว เป็นต้น ส่วนการปัดหน้าจอด้านบน เป็นการเรียกเมนูลัด และการปัดหน้าจอด้านล่าง เป็นการเรียกดูการแจ้งเตือนต่าง ๆ สามารถอ่านภาษาไทยได้สมบูรณ์ สระไม่ลอย
สำหรับการชาร์จไฟ รุ่นนี้จะมีสายชาร์จแบบเฉพาะ เป็นขั้วแม่เหล็ก โดยตัว HUAWEI WATCH Fit ตามสเปค สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 10 วัน และชาร์จไฟได้เร็วภายใน 30 นาที ชาร์จไฟได้ 70% แต่จากการใช้งานจริง ผมว่าแบตเตอรี่มันอยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์ก็ควรชาร์จไฟแล้วครับ
การเชื่อมต่อกับ HUAWEI Health
การเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน HUAWEI WATCH Fit รองรับการใช้งานร่วมทั้ง HUAWEI Smartphone, สมาร์ตโฟน Android และ iOS แต่ถ้าจะให้ใช้งานได้ครบ ๆ ทุกฟังก์ชั่น แนะนำให้ใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Android จะเหมาะสมที่สุด เพราะอย่างการเพิ่มหน้าปัดนาฬิกา หากเป็น iPhone หรือ iOS ก็ไม่สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ ส่วนแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการเชื่อมต่อก็จะเป็น HUAWEI Health หากใครใช้สมาร์ตโฟนหัวเว่ยอยู่แล้วก็จะมี Pre-load มาให้แต่แรก แต่ถ้าเป็น Android ยี่ห้ออื่น สามารถดาวน์โหลดบน Google Play Store ได้เลย
นอกจากนี้ ในแอปพลิเคชั่น HUAWEI Health ยังแสดงผลของค่าต่าง ๆ ได้ละเอียดกว่าบน HUAWEI WATCH Fit รวมถึงเรียกดูสถิติต่าง ๆ ย้อนหลังได้ตลอดเวลา หรือถ้าต้องการตั้งค่าให้ละเอียด เช่น การตั้งปลุกแบบ Smart wakeup ว่าจะให้อยู่ในช่วงกี่นาทีก่อนเวลาตื่นจริง เพื่อป้องกันการปลุกในขณะที่กำลังหลับลึก (Deep Sleep) ก็สามารถไปตั้งค่าจากในแอปพลิเคชั่นได้เช่นกัน
สำหรับหน้าปัดนาฬิกา ที่มีให้ในตัวเครื่องแต่แรกก็มีจำนวนเยอะพอสมควร แต่ถ้ายังไม่ถูกใจ สามารถเข้าไปเลือกเพิ่มเติมผ่านแอป HUAWEI Health ในหัวข้อ WATCH Face Store ได้เช่นกัน หรือถ้ายังไม่ถูกใจอีก ก็สามารถเลือกภาพจาก Gallery มาทำเป็นหน้าปัดนาฬิกาได้เช่นกัน รวมถึงสามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ ในการแสดงผลบนหน้าปัดนาฬิกาได้อีกด้วย
รีวิว HUAWEI WATCH Fit ฟีเจอร์ในการออกกำลังกาย และสุขภาพ
เห็นเป็น Smartband (กึ่ง ๆ Smart Watch) แบบนี้เนี่ย แต่ในการออกกำลังกาย รุ่นนี้รองรับโหมดออกกำลังกายสูงสุดถึง 96 โหมดเลยทีเดียว แบ่งเป็นโหมดออกกำลังกายมาตรฐาน 11 โหมด และอีก 85 โหมดออกกำลังกายอื่น ๆ เช่น Cross Fit, โยคะ, คาราเต้, ฟันดาบ, เต้นลีลาศ, HIIT และอื่น ๆ อีกมากมาย น่าจะครอบคลุมการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี โดยในการออกกำลังกาย หน้าปัดก็จะแสดงข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, แคลอรี่ที่ถูกเบิร์น, เวลาในการออกกำลังกาย และสามารถระบุตำแหน่งได้จาก GPS
ส่วนตัวผมมองว่าฟีเจอร์ในการออกกำลังกายส่วนมากของ HUAWEI WATCH Fit ก็ดูจะคล้ายคลึงกับการออกกำลังกายของ Smart Watch หรือ Smartband ยี่ห้ออื่น แต่สิ่งที่น่าสนใจของสมาร์ตแบนด์ลูกครึ่งราคา 3,499 บาท อยู่ที่ความสามารถในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบ Real-time ด้วย HUAWEI TruSeen 4.0 คือหัวใจเต้นขณะนั้นกี่ bpm ตัวเครื่องก็แสดงผลได้ตามจริง หากตรวจพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าปกติ ก็จะแจ้งเตือนผู้ใช้ได้ทันที
2 ฟีเจอร์ในการออกกำลังกายที่มีเฉพาะ HUAWEI WATCH Fit และผมมองว่าน่าสนใจก็คือ Fitness Courses และ Running Courses โดยใน Fitness Courses จะเป็นการออกกำลังกายแบบ Body Weight ไล่ระดับไปตั้งแต่การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ไปจนถึงการออกกำลังกายแบบ HIIT มีตัวอย่างการออกกำลังกายให้ดูบนหน้าปัดนาฬิกา ส่วน Running Courses จะเหมือนการมีโค้ชส่วนตัว คอยออกแบบตารางการวิ่ง ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ อยากวิ่งเพื่อลดไขมัน, วิ่งระยะทางไกล หรือแม้แต่ Tempo Run รวมถึงรูปแบบการวิ่งแบบอื่น ๆ อีก 12 รูปแบบ
นอกจากนี้ หน้าปัดขณะที่ออกกำลังกาย ยังเน้นไปที่การระบุอัตราการเต้นของหัวใจให้เข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างดี อย่างที่เคยได้ยินว่า ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ให้วิ่งโซน 2 ตรงนี้หลายคนอาจไม่เข้าใจ ว่าโซน 2 คืออะไร ต้องให้หัวใจเต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าใช้ HUAWEI WATCH Fit ก็แค่คุมให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในช่องที่ 2 Fat Burn ก็พอ หากขึ้นไปโซน 3 ก็ให้ลดความเข้มข้นลงมาที่ โซน 2 เป็นต้น
ความแม่นยำของตัวเลขที่แสดงบนหน้าปัดของรุ่นนี้ ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจ, ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ ส่วนตัวผมลองเทียบกับ Smart Watch ที่ใช้งานประจำอย่าง Apple Watch Series 4 ในการปั่นจักรยาน พบว่าค่าที่แสดงมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ และปริมาณแคลอรี่ที่เบิร์นจากการออกกำลังกาย
ส่วนการแจ้งเตือนเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆ รุ่นนี้ก็มีให้ใช้ครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแจ้งเตือนนั่งนาน พร้อมสอนวิธีกายบริหารเบื้องต้น เพื่อยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือจะเป็นการแจ้งเตือนความเครียด พร้อมกำหนดลมหายใจเพื่อผ่อนคลาย ไปจนถึงฟีเจอร์ในการตรวจจับการนอน ว่าในแต่ละคืนที่พักผ่อนนั้น มีคุณภาพมากน้อยเพียงใด
HUAWEI TruSleep 2.0 + ระบบอัจฉริยะที่ติดตามคุณภาพการนอนหลับของได้อย่างแม่นยำ บันทึกสถานะการนอนหลับ วิเคราะห์ ตลอดจนให้คำแนะนำตามหลักวิทยาศาสตร์ได้มากกว่า 200 รายการ ช่วยให้ปรับพฤติกรรมการนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น โดยจะแสดงรายละเอียดการนอนในแต่ละด้าน พร้อมระบุคะแนน เช่น มีการหลับลึกเท่าไหร่ ตอนนอนกรนหรือไม่ หรือตื่นระหว่างคืนไหม และแนะนำวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนให้ดียิ่งขึ้น
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง HUAWEI WATCH Fit มาพร้อมกับความสามารถในการแจ้งเตือนรอบเดือน ไปจนถึงการประมาณวันไข่ตก ช่วยให้สามารถวางแผนได้ดียิ่งขึ้น
สรุปภาพรวม รีวิว HUAWEI WATCH Fit เหมาะกับใคร?
ภาพรวมหลังจากที่ผมได้รีวิว HUAWEI WATCH Fit กับราคา 3,499 บาท และเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ หากเอาแค่ฟีเจอร์ในการออกกำลังกาย ผมว่าสมาร์ตวอช (กึ่ง ๆ สมาร์ตแบนด์) รุ่นนี้เทียบเคียงรุ่นพี่ของมันอย่าง HUAWEI WATCH GT ได้เลย ตัดพวกฟีเจอร์ในการรับสาย, การใส่เพลงในตัวออกไป คือโดยรวมยังออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับสมาร์ตโฟนเป็นหลัก มากกว่า WATCH GT ที่เน้นการทำงานแบบกึ่ง ๆ Standalone ตอนออกกำลังกาย แต่ด้วยราคาค่าตัวที่เมื่อเทียบกับฟีเจอร์แล้ว ผมว่ารุ่นนี้ไม่แพงจนเกินไปเลยครับ
ด้วยจุดเด่นหลาย ๆ ด้าน เริ่มจากหน้าจอที่มีความคมชัด อ่านไทยสระไม่ลอย หรือพวกฟีเจอร์ต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ HUAWEI TruSeen 4.0 ที่จับอัตราการเต้นของหัวใจได้แบบ real-time หน้าปัดการออกกำลังกายที่เข้าใจง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่ และคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือจะเป็นฟีเจอร์ในการตรวจจับการนอน HUAWEI TruSleep 2.0 ที่สามารถวิเคราะห์รูปแบบการนอนได้อย่างแม่นยำ พร้อมแนะนำวิธีการปรับปรุงคุณภาพการนอนให้สูงขึ้น
ส่วนข้อสังเกตของ HUAWEI WATCH Fit ก็มีอยู่เหมือนกันครับ แต่ส่วนมากจะเป็นเพราะข้อจำกัดเรื่องราคา อย่างเช่น วัสดุตัวเรือนที่เป็นไฟเบอร์โพลิเมอร์ ไม่ได้ให้ความรู้สึกหรูหราสักเท่าไหร่ หรือจะเป็นข้อจำกัดที่มีในอุปกรณ์ประเภทสวมใส่ของ HUAWEI ทุกรุ่นอย่างการแชร์ผลการออกกำลังกายขึ้นโซเชียลยอดนิยม เช่น Strava, Runtastic เป็นต้น
จุดเด่น
- หน้าจอขนาดกำลังพอดี คมชัด 326ppi พาแนล AMOLED ใช้กลางแจ้งสบาย ๆ
- น้ำหนักเบา ด้วยวัสดุแบบไฟเบอร์โพลิเมอร์
- ระบบตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจ HUAWEI TruSeen 4.0 วัดได้แบบ real-time
- รองรับการออกกำลังกายแบบคุมโซน
- ระบบตรวจจับการนอน HUAWEI TruSleep 2.0 แม่นยำ พร้อมคำแนะนำในการนอน
- รูปแบบการออกกำลังกายหลากหลายถึง 96 โหมด
- มีหน้าจอสาธิต ท่าทางการออกกำลังกาย สามารถทำตามได้เลย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน โดยเฉลี่ย 7 – 10 วัน
- ชาร์จเร็ว และที่ชาร์จเป็นแบบแม่เหล็ก
- อ่านไทยได้ สระไม่ลอย แจ้งเตือนข้อความต่าง ๆ ได้
ข้อสังเกต
- ไม่รองรับการแชร์ผลออกกำลังกายบน Strava, Runtastic
- การเชื่อมต่อต้องใช้แอป HUAWEI Health
- การทำงานร่วมกับ iOS จะไม่สามารถใช้งานบางฟีเจอร์ได้