เปิดตัวพร้อมให้บริการในไทยแล้ววันนี้ สำหรับ Galaxy Enterprise Edition (กาแลคซี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส เอดิชัน) กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทดีไวซ์ล่าสุดจากซัมซุงที่มาพร้อมบริการด้านโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจ ชูจุดเด่น ‘Total Solutions’ ด้วยนวัตกรรมระดับแนวหน้าที่ครอบคลุมตั้งแต่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การจัดการซอฟต์แวร์ ไปจนถึงแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด ซึ่ง Galaxy Enterprise Edition จะช่วยให้การบริหารจัดการและปกป้องข้อมูลสำคัญภายในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
“การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้เร่งการปรับตัวของธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้องค์กรหันมาให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะองค์กรที่พนักงานต้องทำงานนอกสถานที่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ซัมซุงตัดสินใจเปิดตัว Galaxy Enterprise Edition ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้องค์กรสามารถนำโมเดลธุรกิจแบบไฮบริดมาปรับใช้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งบริการสมาร์ทดีไวซ์พร้อมโซลูชันแบบครบวงจรของเรา จะช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถติดตั้งและดำเนินการด้านระบบให้กับอุปกรณ์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย” ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว
สำหรับประเทศไทย ซัมซุงพร้อมให้บริการ Galaxy Enterprise Edition แก่ลูกค้าองค์กรแล้วทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Galaxy A52, Galaxy A32 5G และ Galaxy XCover5 เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต่างกัน โดยสำหรับการใช้งานทั่วไป ซัมซุงได้นำเสนอสมาร์ทโฟนยอดนิยมสองรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Galaxy A อย่าง Galaxy A52 และ A32 5G ที่มาพร้อมฟีเจอร์หลักทรงประสิทธิภาพและตัวเลือกซึ่งรองรับการเชื่อมต่อ 5G ทำให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในองค์กรหรือบริษัทได้อย่างครบครัน ในขณะเดียวกันก็มีสมาร์ทโฟนสายแกร่งอย่าง Galaxy XCover5 ที่โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพความทนทานในสภาพแวดล้อมต่างๆ อย่างดีเยี่ยม จึงเหมาะกับการใช้งานภาคสนามโดยเฉพาะ
ฟีเจอร์เด่นของ Galaxy Enterprise Edition นั้นได้แก่
- ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์[1]: ซัมซุงขยายกรอบเวลาการวางจำหน่ายอุปกรณ์ในกลุ่ม Galaxy Enterprise Edition ให้นานขึ้นกว่ารุ่นทั่วไป ทำให้องค์กรสามารถบริหารและจัดหาอุปกรณ์รุ่นเดียวกันให้กับพนักงานในองค์กรภายหลังได้ง่ายขึ้น
- ขยายบริการอัพเดทด้านความปลอดภัย: เพื่อปกป้องอุปกรณ์จากอาชญากรรมไซเบอร์ มัลแวร์ และภัยคุกคามอื่นๆ ได้นานขึ้น Galaxy Enterprise Edition จะได้รับการอัพเดทด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมขั้นต่ำที่ 4 ปี และ 5 ปี สำหรับบางรุ่น[2]
- แพลตฟอร์ตรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด: อุปกรณ์ทุกเครื่องมาพร้อมระบบ Samsung Knox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดจากซัมซุง โดยผ่านการติดตั้งมาตั้งแต่ระดับชิปเซ็ตไปจนถึงในแอปพลิเคชัน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะถูกปกป้องจากภัยคุมคามรูปแบบต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ตลอดอายุการใช้งาน
- ติดตั้งและจัดการระบบได้อย่างคล่องตัว: ด้วยบริการ Knox Suite ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวเครื่อง แผนกไอทีขององค์กรจึงสามารถกำหนดฟังก์ชันและตั้งค่าต่างๆ บน Galaxy Enterprise Edition ได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถดูแลอุปกรณ์จากศูนย์กลางได้อีกด้วย
- การจัดการอุปกรณ์ / ระบบปฏิบัติการที่ครอบคลุมและง่ายดาย: การอัพเดทเฟิร์มแวร์บนดีไวซ์ขององค์กร หรือ Enterprise Firmware-over-the-air (E-FOTA) ช่วยให้แผนกไอทีสามารถจัดการอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดายจากระยะไกล ผ่านระบบปฏิบัติการกลางและการอัพเดทซอฟต์แวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบปฏิบัติการและแพทช์ความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุดที่ผ่านการทดสอบแล้วจะพร้อมใช้งานสำหรับพนักงานทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือองค์กรที่มีสาขาย่อยทั่วประเทศ รวมถึงพนักงานที่ทำงานจากบ้านหรือปฏิบัติการนอกสถานที่ Galaxy Enterprise Edition จะช่วยให้การจัดการด้านระบบ การอัพเดท และการควบคุมสมาร์ทดีไวซ์เป็นเรื่องง่ายในทุกระดับ ทำให้พนักงานทุกคนสามารถเชื่อมต่อสื่อสารและทำงานจากสถานที่ต่างๆ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างไร้ข้อกังวลด้านความปลอดภัย
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Galaxy Enterprise Edition ได้ที่ https://www.samsung.com/th/business/ หรือติดต่อทีมงาน Samsung Business ได้ที่อีเมล์ b2b_thailand@samsung.com หรือโทร 02-689-3277
[1] อุปกรณ์จะยังคงวางจำหน่ายหลังเปิดตัวในตลาดโลกตามระยะเวลาที่กำหนด โดยระยะเวลาดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า