Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max เทียบสเปคและจุดเด่น กับราคาเกินที่ 30,000 บาท ตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน วันนี้เราจะมาช่วยให้คำแนะนำแก่ทุกคนเองว่าทำไมมือถือจอพับถึงน่าสนใจ พร้อมทั้งเทียบสเปคทั้ง 3 เครื่องให้เห็นกันชัดๆ เลยว่ามีแตกต่างกันตรงไหนบ้าง เพราะมือถือราคาหลายหมื่นแบบนี้จำเป็นต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมกันให้เยอะๆ เพราะหลังจากที่ซื้อมาแล้วไม่ชอบก็ยากที่จะขายต่อเนื่องจากราคาที่สูงสุดๆ สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะซื้อตัวไหนดีลองมาดูบทความของเราก่อนก็ได้นะ
- เทียบสเปค Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
- จุดเด่น Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
- จอพับได้ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด แต่จอ iPhone 13 Pro Max ทนทานกว่ามาก
- Galaxy Z Fold3 5G ใช้งานได้พร้อมกันถึง 3 หน้าจอ แถมยังรองรับปากกา S Pen ด้วย
- Galaxy Z Flip3 5G พกพาง่ายที่สุด แถมตกแต่งได้เองตามสไตล์ของตัวเรา
- iPhone 13 Pro Max ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่าหรือเปล่า
- iPhone 13 Pro Max ถ่ายวิดีโอขั้นเทพด้วยโหมด Cinematic
- สรุป Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
เทียบสเปค Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
Samsung Galaxy Z Fold3 5G | Samsung Galaxy Z Flip3 5G | iPhone 13 Pro Max | |
---|---|---|---|
ขนาด | 158.2 x 128.1 x 6.4 มม. (กาง) 158.2 x 67.1 x 14.4-16 มม. (พับ) | 166 x 72.2 x 6.9 มม. (กาง) 86.4 x 72.2 x 15.9-17.1 มม. (พับ) | 160.8 x 78.1 x 7.7 มม. |
น้ำหนัก | 271 กรัม | 183 กรัม | 240 กรัม |
หน้าจอ | Dynamic AMOLED 2X Refresh Rate 120Hz จอนอก : 6.2 นิ้ว, 2268 x 832 พิกเซล, Gorilla Glass Victus จอใน : 6.7 นิ้ว, 2208 x 1768 พิกเซล | จอนอก : Super AMOLED, 1.9 นิ้ว, 260 x 512 พิกเซล จอใน : Dynamic AMOLED 2X, 6.7 นิ้ว, 2208 x 1768 พิกเซล, Refresh Rate 120Hz | Super Retina XDR (OLED), 6.7 นิ้ว, 2778 x 1284 พิกเซล, ProMotion 120Hz |
ชิปประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 888 5G | Qualcomm Snapdragon 888 5G | Apple A15 Bionic |
แรม | 12GB | 8GB | 6GB |
ความจุ | 256GB / 512GB | 128GB / 256GB | 128GB / 256GB / 512GB / 1TB |
กล้องหลัง | 12 MP f/1.8 (wide) 12 MP f/2.4 (telephoto 2x) 12 MP f/2.2 (ultrawide) | 12 MP f/1.8 (wide) 12 MP f/2.2 (ultrawide) | 12 MP f/1.5 (wide) + Sensor-Shift 12 MP f/2.8 (telephoto 3x) 12 MP f/1.8 (ultrawide) LiDAR Scanner |
กล้องหน้า | จอนอก : 10 MP f/2.2 จอใน : 4 MP f/1.8 | 10 MP f/2.4 | 12 MP f/2.2 |
แบตเตอรี่ | 4,400 mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W | 3,300 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W | 4,352 mAh รองรับชาร์จเร็ว 27W |
ราคา (เริ่มต้น) | 57,900 บาท | 34,900 บาท | 42,900 บาท |
จุดเด่น Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
จอพับได้ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด แต่จอ iPhone 13 Pro Max ทนทานกว่ามาก
ความโดดเด่นที่สุดของ Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G คือหน้าจอที่สามารถพับได้ ซึ่งการที่พับได้นั้นทำให้การใช้งานมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอที่ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งขาตั้งแต่อย่างใด ยิ่งเป็นการถ่าย Vlog ด้วยยิ่งสะดวกเข้าไปใหญ่ เพราะสามารถถ่ายได้ด้วยตัวเองทั้งการถ่ายด้วยชัตเตอร์ความเร็วต่ำๆ หรือแม้แต่การถ่ายแบบไทม์แลปส์ก็ตาม นอกจากนี้ Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G นั้นมาพร้อมฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือ Auto Framing เป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อให้เราอยู่กลางเฟรมเสมอ แถมยังสามารถ Track ได้มาสุดถึง 4 คนภายในระยะ 3.5 เมตรอีกด้วย ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอได้ง่ายขึ้น รวมถึงยังช่วยให้การถ่ายคลิป Vlog ทำได้สบายขึ้นด้วย
ทว่าพอพูดถึงเรื่องความทนทานของหน้าจอแล้วตัวหน้าจอพับได้นั้นจะมีความบอบบางมากกว่า ซึ่งใน Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G นั้นรับการปรับปรุงให้มีความแข็งแรงมากขึ้นแล้ว แต่ด้วยการที่หน้าจอของ iPhone 13 Pro Max นั้นด้วยการที่เป็นหน้าจอแบบเรียบๆ ทำให้สามารถใช้กระจกแข็งติดตั้งพร้อมทั้งมีการเคลือบสารกันรอยเพิ่มเข้าไปอีก ทำให้มีความแข็งแรงทนทางมากกว่าหน้าจอแบบพับ แถมยังหยิบมาใช้งานได้สะดวกรวดเร็วกว่า แต่ก็ทำให้เสียเรื่องขนาดที่กระทัดรัดหรือการกางหน้าจอเพื่อขยายพื้นที่แสดงผลไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับว่าจะชอบการใช้งานรูปแบบไหนมากกว่ากัน
Galaxy Z Fold3 5G ใช้งานได้พร้อมกันถึง 3 หน้าจอ แถมยังรองรับปากกา S Pen ด้วย
Galaxy Z Fold3 5G เมื่อกางหน้าจอออกจะได้หน้าจอขนาด 7.6 นิ้วมาใช้งานแทน ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มตาไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ทำงาน เล่นเกม หรือเล่นโซเชียลก็ตาม อีกทั้งกล้องที่อยู่กับหน้าจอด้านในยังเป็นกล้องแบบซ่อนใต้จออีกด้วย ทำให้เวลาใช้งานจะไม่มีรูกล้องมาคอยกวนใจ และด้วยการที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ ทำให้สามารถเปิดใช้งานแอพพร้อมกันได้ถึง 3 แอพ (Galaxy Z Flip ได้ 2 แอพ) นอกจากนี้ยังสามารถเปิดแอพแบบหน้าจอป๊อปอัพซ้อนเพิ่มเข้าไปได้อีก หากใครที่ใช้งานแอพหลายๆ แอพพร้อมกันบ่อยๆ Galaxy Z Fold3 5G จะเป็นตัวที่ได้เปรียบสุดๆ ในขณะที่ทาง iPhone 13 Pro Max นั้นถึงแม้จะมีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แต่ทางตัวระบบก็ยอมให้เปิดได้แต่แบบ Picture in Picture เท่านั้น ซึ่งจำกัดแค่การดูหนังหรือดูวิดีโอเท่านั้น ทำให้การใช้งานค่อนข้างจำกัดกว่าเล็กน้อย
หนึ่งฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าน่าสนใจมากสำหรับคนที่ใช้มือถือทำงานหรือต้องอ่านเอกสารบ่อยๆ นั่นก็คือฟีเจอร์ Drag and Split ซึ่งเป็นฟีเจอร์เหมาะอย่างยิ่งในตอนที่เปิดอ่านเอกสารแล้วในเอกสารนั้นมีลิ้งแนบมาด้วย หรือไม่ก็สามารถเอามาใช้ตอนที่กำลังเลือกซื้อของ ช่วยให้ไม่ต้องมาคอยกด Back ออกมาให้เสียเวลาเลย โดยที่ต้องทำก็เพียงแค่ใช้นิ้วกดค้างไปที่ลิ้งแล้วลากไปที่สุดขอบหน้าจอ เท่านี้ก็สามารถเปิดหน้าต่างที่ 2 ขึ้นมาได้แล้ว
อีกความน่าสนใจหนึ่งของ Galaxy Z Fold3 5G ก็คือการที่ตัวเครื่องรองรับการใช้งานกับปากกา S Pen เนื่องจากในรุ่นก่อนๆ ไม่สามารถใช้งานปากกา S Pen ได้เลย เพราะผิวหน้าจออ่อนจนทำให้เกิดรอยได้ แต่ด้วยการที่พัฒนาหน้าจอพับได้ตัวใหม่มา ทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจนสามารถกันรอยขีดข่วยที่มาจาก S Pen ได้แล้ว ช่วยให้การใช้งานมีความหลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป, การจดข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสะดวกเวลาประชุมงานแล้วจำเป็นต้องจดข้อมูลก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องไปหาสมุดมาจดให้เสียเวลา ทว่าปากกา S Pen ที่จะเอามาใช้คู่กับ Galaxy Z Fold3 5G นั้นจำเป็นต้องซื้อเพิ่มนะ
Galaxy Z Flip3 5G พกพาง่ายที่สุด แถมตกแต่งได้เองตามสไตล์ของตัวเรา
สำหรับคนที่ต้องการมือถือที่พกพาง่ายๆ Galaxy Z Flip3 5G เป็นมือถือที่ตอบโจทย์นั้นได้ดีที่สุด เนื่องจากในปัจจุบันนี้มือถือต่างๆ มีหน้าจอโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5 นิ้ว ซึ่งก็เรียกได้ว่าใหญ่พอสมควร ทว่าด้วยหน้าจอที่พับได้ของ Galaxy Z Flip3 5G ทำให้ตัวเครื่องมีความยาวเพียงครึ่งเดียวของมือถือทั่วๆ ไป แต่เมื่อกางออกมาแล้วจะได้หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพกพาได้ยิ่งขึ้น (แต่ถ้าต้องการเครื่องพกง่ายน้ำหนักเบา แบบนั้นคงต้องหันไปทาง iPhone 13 mini แทนแล้ว)
iPhone 13 Pro Max ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่าหรือเปล่า
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันหลักๆ เรามักจะต้องการมือถือที่เมื่อยกขึ้นมาก็สามารถใช้งานได้แบบทันที ซึ่งทาง iPhone 13 Pro Max จะได้เปรียบในเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องมาคอยกาง-พับหน้าจอเพื่อใช้งานหรือเก็บ ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการใช้งานไปได้หลายวินาทีเลย เพียงแต่ว่าในยุคปัจจุบันนี้ที่เราต้องใส่หน้ากากออกไปไหนมาไหนตลอดเวลา การที่ FaceID ไม่สามารถตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้ได้หากใส่หน้ากากอยู่อาจจะเป็นปัยหาไม่กี่จุดที่ทาง iPhone ยังไม่ได้แก้ไข้ ในขณะที่ทาง Samsung ทั้ง Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G นั้นมีทั้งระบบสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ ทำให้สามารถปลดล็อคเครื่องได้สะดวกกว่ามาก
iPhone 13 Pro Max ถ่ายวิดีโอขั้นเทพด้วยโหมด Cinematic
หากให้การพับหน้าจอได้และมี S Pen เป็นจุดเด่นของ Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip3 5G แล้ว ทาง iPhone 13 Pro Max ก็มีโหมด Cinematic ซึ่งเป็นโหมดถ่ายวิดีโอขั้นเทพที่ช่วยให้คนธรรมดาสามารถถ่ายวิดีโอได้แบบมือโปร ไม่ว่าจะเป็นการปรับจุดโฟกัสระหว่างถ่ายทำแบบนุ่มนวล แถมด้วยการใช้งานร่วมกับ LiDAR Scanner และ Machine Learning แล้วทำให้สามารถปรับระยะชัดลึกได้ตลอดการถ่ายเลย เรียกได้ว่าไม่มีเครื่องไหนในปัจจุบันนี้ที่สามารถทำแบบนี้นอกจาก iPhone
สรุป Samsung Galaxy Z Fold3 5G Z Flip3 5G VS iPhone 13 Pro Max
จากจุดเด่นของทั้ง 3 เครื่องที่เขียนมาข้างบนนั้นนั้นจะเห็นได้เลยว่าทั้ง 3 เครื่องนั้นมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปคนละแนวเลย ซึ่งสำหรับจุดอ่อนต่างๆ ของ Galaxy Z Fold และ Galaxy Z Flip รุ่นก่อนๆ มีนั้นก็ได้รับการแก้ไขหมดไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพับที่อ่อนแอเกินไป ไม่สามารถกันน้ำได้ รวมถึงมีการใส่หน้าจอ 120Hz มาให้กับทั้ง 2 เครื่องเลย และที่ดียิ่งกว่านั้นคือ Galaxy Z Fold3 5G นั้นรองรับการใช้งานปากกา S Pen ที่หลายๆ คนอยากได้อีกด้วย เพียงแต่ก็ต้องยอมรับเรื่องที่ตรงรอบพับกลางหน้าจอที่อาจจะรำคาญนิ้วบ้างหากมีการลากนิ้วผ่าน ซึ่งถ้าไม่ได้มีปัญหากับเรื่องนี้ทั้งคู่ก็เป็นมือถือที่น่าสนใจ สามารถใช้งานได้หลากหลายสุดๆ
ส่วน iPhone 13 Pro Max นั้นถ้าให้เรียกแบบง่ายๆ ก็คือ iPhone ที่ดีและครบเครื่องที่สุดในปัจจุบันนี้ ปัญหาที่เกิดตอน iPhone 12 ก็ได้รับการแก้ไขหมดแล้ว แถมยังมีการอัพเกรดอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจด้วยทั้งหน้าจอ ProMotion ชิปประมวลผลที่เปลี่ยนไปใช้โมเด็ม Snapdragon X60 ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น อีกทั้งยังมีการใส่ Sensor-Shift เข้าไปในทุกรุ่นย่อย ช่วยให้การถ่ายรุปทำได้ดีขึ้นมากเลย
สำหรับราคาของทั้ง 3 เครื่องจะมีดังนี้
- Samsung Galaxy Z Fold3 5G
- 256GB : 57,900 บาท
- 512GB : 61,900 บาท
- Samsung Galaxy Z Flip3 5G
- 128GB : 34,900 บาท
- 256GB : 36,900 บาท
- iPhone 13 Pro Max
- 128GB : 42,900 บาท
- 256GB : 46,900 บาท
- 512GB : 54,900 บาท
- 1TB : 62,900 บาท
บทความที่เกี่ยวข้อง
รีวิว Samsung Galaxy Z Flip3 5G จอพับสายแฟชั่น กันน้ำแล้ว ในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น
ทีม Fold หรือ ทีม Flip กับ Galaxy Z Series รุ่นไหน ที่ใช่คุณ
5 นวัตกรรม Samsung Galaxy Z Fold3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้
Z Fold3 | Flip3 5G กับ 9 คำถามยอดฮิต
Samsung Galaxy Z Fold3 5G สุดยอดฟีเจอร์ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน
เทียบสเปค Samsung Galaxy Z Flip3 vs Galaxy Z Flip 5G
เทียบสเปค Samsung Galaxy Z Fold3 5G vs Galaxy Z Fold2 5G
Samsung Galaxy Unpacked Part 2 มีอะไรมาใหม่บ้างเราสรุปให้เลย
รีวิว iPhone 13 Pro Max | iPhone 13 การอัพเกรด (กล้อง) ครั้งใหญ่ และหลายสิ่งที่ดีเกินคาด
รีวิว iPhone 13 Pro | 3 สิ่งที่ได้ หลังอัพเกรดมาจาก iPhone 11