สรุปข้อมูล AirPods 3 รุ่นใหม่กับสเปคและดีไซน์ใหม่คล้ายกับ AirPods Pro ในราคาเพียง 6,790 บาท!
หลังจากงานเปิดตัวในงาน Apple Unleashed เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมานี้ ที่ทาง Apple ได้เปิดตัวอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาทั้ง HomePod mini และ MacBook Pro 2021 รุ่นใหม่ที่หลายคนรอคอยกับชิปตัวแรงถึงสองตัวคือ M1 Pro และ M1 Max กับอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หายไปนาน และก็มีข่าวหลุดออกมาจนแทบจะเปิดตัวกันเองในอินเทอร์เน็ตกันอยู่แล้ว และแล้วเขาก็มาสักทีกับ AirPods รุ่นที่ 3 ที่ได้เปลี่ยนสเปคออกมาตามข่าวลือแทบจะทั้งหมด ทั้งการดีไซน์ใหม่ และสเปคการใช้งานต่างๆ ภายในที่ดีกว่าเดิมมากขึ้นเยอะมากๆ จนแทบจะเทียบเท่ากับ AirPods Pro อยู่แล้ว (แต่ยังไม่เท่านะ) ใครที่อยากจะรู้ว่าในงาน Apple Unleashed มีอะไรเปิดตัวมาใหม่บ้าง กดเข้าไปดูได้ที่นี่เลย ส่วนใครที่อยากจะรู้สเปคของ MacBook Pro 2021 ทั้งสองรุ่น กดเข้าไปดูสเปค MacBook Pro 14 นิ้วและ MacBook Pro 16 นิ้วกันได้เลย ส่วนใครที่กำลังคิดอยู่ว่าจะซื้อ AirPods รุ่นที่ 3 ที่ออกมาใหม่ดีไหม และมีอะไรใหม่บ้าง เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาสรุปข้อมูล AirPods 3 ว่ามีสเปคเป็นอย่างไร และมีอะไรใหม่ที่น่าสนใจบ้างกับราคาเปิดตัวที่ไม่แรงมากแต่สเปคเกือบโปรรุ่นนี้
ดีไซน์ใหม่ที่ดูโปรมากขึ้น
มาเริ่มกันที่การดีไซน์ตัวเครื่องของ AirPods 3 กันก่อนเลย ที่ได้เปลี่ยนแปลงสภาพภายนอกใหม่หมดตามที่มีข่าวลือออกมาเลย นั่นก็คือการเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูคล้ายกับรุ่นโปร แต่ว่ารุ่นนี้ก็ยังคงความเป็น AirPods อยู่นั่นก็คือหูฟังแบบ Earbud (AirPods Pro เป็น In-Ear) แต่ว่าได้ดีไซน์ใหม่แบบโค้งมนให้กระชับเข้ากับหูมากขึ้น อีกทั้งยังลดขนาดของก้านให้สั้นลง รวมไปถึงเคสของ AirPods รุ่นที่ 3 ก็มีขนาดสั้นลงตามตัวหูฟังไปด้วย แต่สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้ดูน่าสนใจมากขึ้นไม่ใช่เพียงดีไซน์ที่เปลี่ยนไป แต่ยังมีรายละเอียดของสเปคภายในที่ดีขึ้น สามารถใช้งานได้หลากหลายมากกว่ารุ่นเดิมด้วย นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ทำก็เป็นวัสดุแบบรีไซเคิล 100%
สเปคภายใน และคุณภาพเสียงนี่แหละที่เทียบรุ่นโปรได้ของจริง
มาพูดถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ และทำออกมาได้ดีมากนั่นก็คือสเปคภายในของ AirPods 3 รุ่นนี้ อย่างแรกเลยก็คือชิปที่เป็น H1 และได้เพิ่มระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) ที่สามารถติดตามศีรษะแบบไดนามิก ทำให้เวลาเราใส่หูฟังและหันหัวหรือหันหน้าไปทางด้านอื่น แต่เสียงก็จะตามไปด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนเราอยู่ในโรงหนัง และเมื่อหันไปทางไหนเสียงก็จะเบาหรือดังต่างกันไปตามการหมุนของหัวเรานั่นเอง (แบบเดียวกับ AirPods Pro) แถมยังมี Adaptive EQ ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้เองตามรูปแบบของหูเราโดยเฉพาะ โดยจะมีการตรวจจับเสียง แล้วปรับย่านความถี่ต่ำและกลางแบบอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ เพื่อความเหมาะสมของเสียงสำหรับตัวเราเอง
นอกจากนี้ยังมี High-excursion ที่ช่วยขยายสัญญาณช่วงไดนามิกสูงแบบเฉพาะ ทำให้เราได้ยินเสียงทุกโทนเสียง ไม่ว่าจะเป็นเบสหนักๆ หรือว่าจะเป็นเสียงกลางและเสียงแหลมที่ชัดเจนสมจริง และด้วยตัวไมโครโฟนที่มีผ้าตาข่ายอะคูสติกชนิดพิเศษ จึงช่วยลดเสียงรบกวนจากลมเวลาคุยโทรศัพท์ พร้อมกับเสียงระดับ HD ด้วย Codec เสียงพูดแบบ AAC-ELD ที่ช่วยปรับเสียงตามตำแหน่งทำให้การโทร หรือ FaceTime ฟังดูชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ Force Censor หรือเซ็นเซอร์แรงกดที่มีแบบเดียวกับตัว AirPods Pro ที่สามารถควบคุมเพื่อเล่น หยุดพัก รับสาย หรือจะเรียก Siri ให้ทำสิ่งต่างๆ ก็ทำได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ นอกจากนี้ตัวหูฟังและเคสชาร์จยังมีการทนเหงื่อและน้ำในระดับ IPX4 หายห่วงเรื่องเหงื่อเข้า หรือว่าการใส่ AirPods รุ่นที่ 3 ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านได้เลย ที่สำคัญคือการติดตาม AirPods 3 ด้วย Find My ที่เราสามารถค้นหาได้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน เพียงแค่เข้าไปค้นหาผ่านอุปกรณ์อื่นๆ และให้ตัว AirPods ส่งเสียงแจ้งเตือนก็หาเจอได้แล้ว
แบตเตอรี่ที่มีพลังเหลือๆ กับการเชื่อมต่อที่ง่ายขึ้น
เรื่องของแบตเตอรี่นี่ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน โดยในตัว AirPods 3 นี้ก็ได้ปรับปรุงออกมาให้เคสนั้นสามารถชาร์จผ่าน MagSafe แบบไร้สายได้เลยง่ายๆ เมื่อชาร์จเต็มแล้วสามารถฟังได้ต่อเนื่องถึง 30 ชั่วโมง เปิดคุยได้สูงสุด 20 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จผ่านเคสเพียง 5 นาทีก็ใช้ต่อยาวๆ ได้เป็นชั่วโมงแล้ว ส่วนตัวหูฟังจะสามารถเปิดฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (5 ชั่วโมงสำหรับการเปิดตามตำแหน่ง) ก็เรียกได้ว่าปรับปรุงมาให้ใช้งานได้นานกว่าเดิมพอสมควรเลย
ส่วนการเชื่อมต่อของตัวนี้จะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 และสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone หรือ iPad ได้ง่ายๆ เพียงแค่วาง AirPods รุ่นที่ 3 ไว้ใกล้ๆ และกดเชื่อมต่อก็จับคู่ได้ง่ายๆ แล้ว แถมยังสามารถแชร์เพลงหรือมีเดียต่างๆ ระหว่าง AirPods ด้วยกันเอง 2 คู่ได้ง่ายๆ เพียงเอามาวางใกล้ๆ กับอุปกรณ์ที่ดูอยู่ก็จะเชื่อมต่อได้ทันที นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับผิวหนังที่ดีกว่าเดิม โดยจะสามารถแยกระหว่างหูเรากับพื้นผิวอื่นๆ ได้ด้วย พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อเราถอดวาง หรือใส่กระเป๋าเพลงก็จะหยุด แล้วเมื่อกลับมาใส่อีกครั้งเพลงก็จะเล่นต่อได้เลยนั่นเอง
ราคาเท่าเดิม เพิ่มเติมคือคุณภาพที่ดีขึ้น
สำหรับราคาของ AirPods รุ่นที่ 3 จะมีราคาเท่ากับรุ่นที่ 2 ตอนเปิดตัวคือราคา 6,790 บาท ส่วนวันวางจำหน่ายตอนนี้ยังไม่ได้บอกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมาในเร็วๆ นี้ ส่วนราคาของ AIrPods 2 ก็ได้ลดลงมาเหลือ 4,990 บาท และ AirPods Pro ยังมีราคาเท่าเดิมคือ 8,992 บาท รวมไปถึงรุ่นที่รองรับจะเริ่มตั้งแต่ iPhone 6s ขึ้นมาถึง iPhone 13, iPod touch และ iPad mini 4 ถึงรุ่นปัจจุบันที่ใช้ iOS เวอร์ชั่นล่าสุด ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นสรุปข้อมูลสเปคของ AirPods 3 รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมา ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นโปร แต่ก็ทำออกมาได้แทบจะเป็นโปรอยู่แล้ว ทั้งการดีไซน์ภายนอกให้ดูกะทัดรัดมากขึ้น รวมไปถึงสเปคภายในและเซนเซอร์ต่างๆ ที่รองรับการใช้งานได้ง่ายมากขึ้น แถมยังใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิมด้วย AirPods รุ่นที่ 3 นี้จะเหมาะกับการใช้ออกกำลังกาย หรือว่าจะใช้เพื่อดูหนังฟังเพลงก็ได้หมด แต่ถ้าใครชอบหูฟังแบบ In-Ear แนะนำว่าให้ขยับไปที่รุ่น Pro เลยก็ได้ แต่ถ้าชอบแบบ Earbud แบบคลาสสิคอยู่ก็แนะนำว่าให้รอสั่งซื้อกันได้เลยเร็วๆ นี้ แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ