รวม iPhone มือสองมีรุ่นไหนที่น่าซื้อบ้างในปี 2023 ซึ่งสำหรับ iPhone นั้นเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ให้สเปคมาแรงจัดๆ จนสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน ทำให้มีการขายต่อกันเยอะ แต่ด้วยราคาที่แสนแพงทำให้มีคนที่หันไปพึ่งมือสองที่ราคาถูกกว่าแทนเยอะขึ้น วันนี้เราเลยจะมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่า iPhone รุ่นไหนบ้างที่น่าซื้อแบบมือสองมาใช้งาน
รวม iPhone มือสองมีรุ่นไหนที่น่าซื้อบ้างในปี 2023
สำหรับการหาซื้อ iPhone มือสองนั้นมีอยู่ 2 ปัจจัยหลักๆ ที่ต้องพิจารณาก็คือ
- สภาพตัวเครื่องว่ามันโทรมแค่ไหน หรือมีการเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหนมาบ้าง
- ยังรองรับการอัพเดตซอร์แวร์ในปัจจุบันอยู่ไหม
ซึ่งเป็นเรื่องแน่นนอนว่าสภาพเครื่องนั้นต้องยังคงดีหากคิดจะเอามาใช้งานระยะยาว โดยสภาพตัวเครื่องภายนอกเป็นสิ่งที่สามารถเอามาใช้พิจารณาคร่าวๆ ได้ รวมถึงต้องไม่มีน็อตหายด้วยนะ ส่วนเรื่องซอร์แวร์นั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องยึดอย่างแรงสำหรับคนที่กะจะวื้อมาใช้ยาวๆ เพราะพอถึงจุดหนึ่ง Apple จะทำการยกเลิกการอัพเดตทำให้ไม่สามารถโหลดหรืออัปเดตแอปฯ ได้ ดังนั้นทางที่ดีก็ควรจะเลือกรุ่นที่อย่างน้อยก็ยังสามารถอัปเดตซอร์แวร์รุ่นปัจจุบันได้อยู่ ซึ่งในปัจจุบันนี้ iPhone ที่จะได้รับการอัปเดตนั้นเก่าที่สุดจะเป็น iPhone 8 Series ครับ และรุ่นที่เราจะมาแนะนำนั้นจะมีดังต่อไปนี้
1. iPhone 8 / iPhone 8 Plus
iPhone 8 Series นั้นคือ iPhone รุ่นสุดท้ายที่ยังได้รับการอัปเดต iOS อยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งตัวเครื่องจะมีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่นธรรมดาและรุ่น Plus โดยจุดที่แตกต่างกันจะมีเพียงขนาดจอ, กล้อง และแบตเตอรี่เท่านั้น แต่จุดที่ทำให้ผมเลือกรุ่นนี้มาใส่ในบทความก็ด้วย 2 เหตุผลใหญ่ เลยนั่นก็คือ ราคาค่าตัวที่ตอนนี้เริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 5,000 บาท ทำให้เหมาะอย่างมากเลยสำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนมาใช้ iPhone ครั้งแรก หรือคนที่อยากได้ iPhone ราคาไม่แพงมาใช้
แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะได้เครื่องที่ไม่ได้สมบูรณ์หรือเครื่องมีปัญหาอะไรสักอย่างติดมาด้วยก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นรุ่นที่เปิดตัวมานานหลายปีแล้ว ทว่าก็ต้องขอบคุณในความเก่าด้วยที่ทำให้ค่าอะไหล่ต่างๆ นั้นมีราคาที่ค่อนข้างถูกตามไปด้วยนั่นเอง หากสามารถหาซื้อเครื่องที่มีปัญหาน้อยมากๆ มาได้ในราคาถูกจัดๆ แล้วเอามาซ่อมเพิ่มก็นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเช่นกัน
2. iPhone Xs / Xs Max
ต่อมาขอข้ามมาที่ iPhone Xs และ Xs Max เลย เนื่องจาก iPhone X นั้นเป็นรุ่นที่มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ส่วน iPhone Xr นั้นเป็นรุ่นที่มีราคามือสองพอๆ กับ Xs เลยทีเดียว และที่สำคัญค่าอะไหล่ของทั้งคู่ก็ค่อนข้างสูงไม่ต่างกัน ผมเลยขอเลือกที่จะข้ามไปเลย
สำหรับ iPhone Xs และ iPhone Xs Max นั้นเป็น iPhone รุ่นพรีเมี่ยมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเป็นเครื่องที่เมื่อเทียบลสเปคกับการใช้งานในปัจจุบันนี้แล้วอาจจะมีบางจุดที่อาจจะขัดใจไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังนับว่าเป็นรุ่นที่น่าสนใจอยู่ โดย iPhone Xs และ Xs Max นั้นจุดที่แตกต่างจะมีแค่เรื่องขนาดหน้าจอและขนาดแบตเตอรี่ ทำให้การเลือกซื้อรุ่นนี้เป็นอะไรที่ขึ้นกับความชอบเป็นหลักว่าต้องการขนาดแบบพกพาหรือหน้าอจใหญ่ๆ มากกง่ากัน (สเปคอื่นนอกจากนั้นเหมือนกันทุกอย่าง)
สำหรับในเรื่องของราคามือสองนั้นบอกเลยว่ามีราคาที่ค่อนข้างดีทีเดียวโดย iPhone Xs นั้นจะเริ่มต้นที่ราวๆ 10,000 บาท ส่วน iPhone Xs Max นั้นจะเริ่มทีราวๆ 12,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับทางฝั่ง Android ในปัจจุบันนี้แล้วอาจจะไม่ได้น่าสนใจเท่าไร แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานต่างๆ ได้อย่างดีเหมือนกัน โดยจุดที่อาจจะเหนือกว่าหน่อยก็คงจะเป็นเรื่องที่ตัวเครื่องมีความพรีเมี่ยมและให้สัมผัสที่หรูหรามากกว่าเท่านั้น
3. iPhone 11
สำหรับ iPhone 11 นั้นคงต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ต้องเอาไปเทียบกับ iPhone Xs และ Xs Max เพราะราคาค่าตัวนั้นอยู่ในช่วงเดียวกันเปะเลย (10,000 – 12,000 บาท) ทำให้อาจจะมีหลายๆ คนที่มีความลังเล ซึ่งตรงนี้อยากบอกว่าต้องพึ่งอารมณ์และความชอบในการเลือกซื้อเป็นหลักแล้ว โดยจุดที่ IPhone 11 แตกต่างจาก iPhone Xs และ Xs Max จะมีคร่าวๆ ดังนี้
จุดที่ iPhone 11 ด้อยกว่า iPhone Xs / Xs Max
- หน้าจอที่เป็นจอ IPS
- ขนาดจอที่เล็กกว่า (เล็กกว่า Xs Max)
- ไม่มีกล้อง Telephoto
- โครงที่เป็นอะลูมิเนียม
จุดที่ iPhone 11 เหนือกว่า iPhone Xs / Xs Max
- ชิปประมวลผล Apple A13 Bionic ซึ่งแรงกว่า A12 Bionic ใน Xs และ Xs Max ราวๆ 20%
- มีกล้อง Ultrawide ที่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
- แบตเตอรี่ที่อึดกว่ามากๆ
- อัปเดต iOS ได้นานกว่า
4. iPhone 12 Series
ถัดมาที่จะแนะนำคือ iPhone 12 Series แต่จะขอยกเว้น iPhone 12 mini ที่เป็นรุ่นพกพาไป ต่อให้ตัวเครื่องมีขนาดที่เล็กพกพาได้ง่ายก็ตาม แต่ด้วยอัตราการบริโภคพลังงานของตัวเครื่องที่สูงกับปริมาณแบตเตอรี่ที่เล็กมากๆ แล้ว ทำให้ต้องพกแบตเตอรี่สำรองหรือต้องมีการชาร์จระหว่างวันหลายครั้งแน่นอน ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างลำบากเอาเรื่อง ยกเว้นแต่จะชอบเครื่องขนาดเล็กจริงๆ อะนะ
สำหรับ iPhone 12 Series ที่อยากแนะนำนั้นจะประกอบไปด้วย iPhone 12, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ซึ่งในรุ่นนี้คือ iPhone รุ่นแรกที่รองรับ 5G ของ Apple เลยทำให้อาจจะมีอะไรปัญหาเรื่องการบริโภคแบตเตอรี่ไปบ้าง แต่ด้วยราคาเริ่มที่ราวๆ หมื่นกลางๆ แล้วก็นับว่าเป็นเครื่องที่น่าสนใจมากกว่า iPhone SE 2022 เยอะ
5. iPhone 13 Series
มากันที่ iPhone ซีรี่ส์ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปี 2022 กับ iPhone 13 Series ที่ประกอบไปด้วย iPhone 13 mini, iPhone 13 , iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max แต่ด้วยการที่ยังมีอายุน้อยจึงส่งผลให้ราคาเครื่องแบบมือสองนั้นยังสูงอยู่ อีกทั้ง iPhone 13 ยังเป็นรุ่นที่ยังสามารถหาซื้อแบบมือหนึ่งได้อีกด้วย
สำหรับ iPhone 13 mini นั้นเป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ จาก iPhone 12 mini เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ตัวแบตอึดขึ้นพอสมควร จึงเป็นรุ่น mini ที่น่าซื้อกว่า iPhone 12 mini พอสมควร แต่ราคาก็ยังนับว่าแรงพอสมควรที่แถวๆ 18,000 บาท ซึ่งแพงกว่า iPhone 12 mini ราวๆ 5,000 – 6,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้คนที่กำลังอยากได้ต้องคิดหนักกันหน่อย ทว่าในความเห็นของผู้เขียนนั้นการกัดฟันเพิ่มงบมาเอา iPhone 13 mini จะเป็นอะไรที่สบายใจกว่า และจบกว่าครับ
ส่วน iPhone 13 นั้นในด้านราคาเองก็จะพอๆ กับ iPhone 13 mini เลยที่แถวๆ 18,000 – 20,000 บาท ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นหากไม่ได้ต้องการเครื่องขนาดเล็กกระทัดรัดจริงๆก็ควรจะอัปเกรดขึ้นมาเป็น iPhone 13 น่าจะเป้นอะไรที่คุ้มกว่า (รวมถึงตอนเอาไปขายต่อด้วย)
สำหรับ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max นั้นจะเป็นอะไรที่น่าสนใจเพราะราคาไม่ได้ต่างจาก iPhone 14 และ iPhone 14 Plus มากนัก ทำให้น่าจะเป็นหนึ่งในคำถามของใครหลายๆ คนเลยว่าควรเอาตัวไหนดี เพราะชิปก็ไม่ได้ต่างกันจนเห็นได้ชัดด้วย โดยจุดที่แตกต่างกันหลักๆ เลยก็คือกล้องที่ใน 13 Pro จะมีกล้อง Telephoto และ LiDAR Sacanner อยู่ รวมถึงได้จอ ProMotion 120Hz ด้วย แต่ในขณะที่ iPhone 14 / 14 Plus จะไม่มีกล้อง Telephoto และ LiDAR Scanner รวมถึงได้จอแค่ 60Hz อีกด้วย ดังนั้นถ้าถามว่าจะเลือกยังไงดี ก็จะขอบอกเลยว่าถ้าเอาไปใช้งานทั่วไป ไม่ได้ใช้มือถือในหน้าที่การงาน iPhone 14 / 14 Plus อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะได้เครื่องที่ใหม่กว่า แต่ถ้าในการทำงานต้องมีมือถือมาเกี่ยว โดยเฉพาะอาชีพสายที่ต้องใช้การวัดระยะแบบ 3D มาช่วยในการทำงานแล้วนั้น iPhone 13 Pro / Pro Max จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ
6. iPhone 14 Series
ปิดท้ายด้วย iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iPhone 14 Series ซึ่งเป็นรุ่นประจำปี 2023 นี้ แต่ถ้าถามว่าทำไม iPhone 14 ถึงน่าซื้อแบบมือสอง นั่นก็ง่ายๆ เพราะราคาตัวเครื่องแบบมือหนึ่งที่เปิดมาก็ทะลุ 30,000 บาทไปแล้วนั้น แต่พอมาเป็นมือสองแล้วต่อให้สภาพดีขนาดไหน ราคาก็จะอยู่ที่ราวๆ 25,000 – 26,000 บาทเท่านั้น ซึ่งส่วนต่างนั้นมันมากกว่าส่วนลดเวลาซื้อมือหนึ่งเสียอีก โดยเฉพาะ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus ที่สเปคส่วนใหญ่ไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก ถ้าหาดีๆ ก็อาจจะได้ iPhone 14 ที่ประกันลดไปไม่กี่วันกับราคาที่เทียบเท่าหรืออาจจะถูกกว่า iPhone 13 มาใช้สบายๆ ได้ก็เลย (ถ้าสามารถจ่ายเป็นเงินเป็นก้อนได้ละก็นะ)