หลังจากที่ OPPO เปิดตัว OPPO F7 สมาร์ทโฟนระดับกลาง มาจนถึงรุ่นเรือธงอย่าง OPPO R15 Pro ก็มีกระแสตอบรับจากแฟน ๆ OPPO ไปในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่ OPPO เลือกใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพ ทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยงามมากขึ้น และนอกจาก OPPO R15 Pro กับ OPPO F7 แล้ว OPPO ก็ได้วางจำหน่ายรุ่นเล็กอย่าง OPPO A83 2018 ที่มีการปรับปรุงสเปคจากเวอร์ชันก่อน เพื่อเข้าสู้ในตลาดสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 7,000 บาทด้วยครับ
สเปค OPPO A83 2018
- Ram 4GB + Rom 64 GB พร้อม CPU Octa-core 2.5 gHz ที่มอบประสบการณ์การใช้งานทื่ลื่นไหล ทั้งการเล่นเกม ท่องโลกโซเชียล หรือดูซีรีย์ ทั้งยังมีพื้นที่จุข้อมูลอย่างเพลง คลิปวิดีโอ และแอพฯ เกมได้อย่างจุใจ
- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซลพร้อมเทคโนโลยี AI Beauty สามารถจำแนกเพศ อายุ สีผิว และเชื้อชาติ เพื่อปรับแต่งใบหน้าได้อย่างแม่นยำกว่า200 จุดให้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติในแบบฉบับของแต่ละคน
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Ultra-HD ทำให้สามารถเก็บความละเอียดภาพได้สูงถึง 50 ล้านพิกเซล
- หน้าจอขอบโค้งมน 2.5D Full Screen 5.7 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 720 พิกเซล อัตราส่วน 18:9ดูหนัง ดูซีรีย์ เล่นเกมได้อย่างอรรถรส
- มีดีไซน์โค้งมน บางเบาจับถนัดมือ
- มีฟังก์ชั่นปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า
- แบตเตอรี่ 3180 mAh
- ColorOS 3.2 บนแอนดรอยด์ 7.1
จุดเด่นแรกคือการให้สเปคมาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล MediaTek MT6763 Octa-core ความเร็ว 2.5 GHz (Helio P23) กับ Ram 4 GB และความจุ 64 GB เพียงพอสำหรับการใช้งานในยุคปัจจุบัน สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งการใช้งานทั่วไป, เล่นโซเชียล รวมถึงการเล่นเกม และด้วยความจุที่ให้มาถึง 64 GB เป็นความจุที่มากพอสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ หรือมีแอปพลิเคชันที่ใช้งานประจำเป็นจำนวนมาก โดยความจุดังกล่าว หากจัดสรรดี ๆ แทบไม่ต้องซื้อ MicroSD Card มาเพิ่มความจุก็ยังได้เลยครับ
หลังจากได้เครื่องรีวิวมาทดสอบ ผมได้ลงแอปพลิเคชันหลัก ๆ ที่ทุกคนต้องลงกัน เช่น Facebook, LINE, Messenger, Instagram รวมถึงเกมยอดนิยมหลายเกม ได้แก่ ROV, PUBG Mobile, Garena Free Fire พบว่ายังมีเนื้อที่เหลืออีกเยอะ ใช้ความจุไปไม่ถึงครึ่ง แต่ถ้าใครต้องใช้ Micro SD Card เพื่อเพิ่มความจุก็มาพร้อมกับถาดซิมแบบ Triple Slot ไม่ต้องแยกระหว่างซิม 2 กับ MicroSD Card ด้วย
สำหรับการเล่นเกม ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับ CPU Octa-core ความเร็ว 2.5 GHz และ Ram 4 GB (เครื่องทดสอบ) สามารถเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV – Arena of Valor กับการตั้งค่าที่ตัวเครื่องเซ็ตมาให้ตั้งแต่แรก สามารถเล่นแบบ 30 fps ได้สบาย ๆ เฟรมเรตแกว่งน้อยมาก ส่วนเกมอื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยม เช่น PUBG, Free Fire ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน
ด้านการจัดการพลังงาน อันนี้ต้องบอกว่าหายห่วงครับ เพราะให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 3180 mAh และด้วยสเปคที่เป็นชิปประมวลผลแบบประหยัดพลังงาน ทำให้การใช้งานนี่แทบจะไม่ต้องง้อ Powerbank เลย ผมลองทดสอบด้วยการถอดสายชาร์จตอนเวลาประมาณ 9.00 น. สแตนบายด้วย 4G สลับกับ Wi-Fi มีเล่นเกม, โซเชียลมีเดียระหว่างวัน รวมถึงถ่ายภาพเพื่อใส่ในบทความรีวิว กลับถึงบ้านตอนเวลาประมาณ 22.oo น. ยังมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 30% ครับ จัดว่าอึดใช้ได้เลย
กล้องหน้าเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล เก่งขึ้นด้วย AI Beauty
อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่ามาพร้อมกับกล้องหน้า AI Beauty ที่สามารถ จำแนกเพศ อายุ สีผิว และเชื้อชาติ เพื่อปรับแต่งใบหน้าได้อย่างแม่นยำกว่า 200จุด ให้ภาพสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่พอเปิดโหมด Beauty แล้วก็หน้าขาว ปากแดงทุกคน
กล้องหน้าจะแต่งใบหน้าให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น ๆ เช่น มีทั้งผู้ชาย และผู้หญิงอยู่ในเฟรมเดียวกัน เมื่อเซลฟี่จะมีการแต่งหน้าแยกระหว่างชายหญิง หากเป็นผู้ชายก็จะไม่ Beauty จนเกินไป และยังสามารถปรับแต่งระดับของความ Beauty ได้ถึง 6 ระดับ
นอกจากการจำแนกบุคคลด้วย AI แล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Bokeh Effect ปรับแต่งภาพให้มีการเบลอฉากหลังด้วยกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล รองรับ Ultra HD
กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED จำนวน 1 ดวงด้วยกัน ด้าน UI (User Interface) จะคล้ายกับสมาร์ทโฟน OPPO ที่รันด้วย ColorOS 3.2 มีโหมดทีเด็ดอย่าง Ultra HD ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล
หลักการของ Ultra HD จะทำการเก็บภาพหลาย ๆ ภาพ จากการกดชัตเตอร์ครั้งเดียว แล้วนำภาพเหล่านั้นมาประมวลผลซ้อนกัน ทำให้ดึงรายละเอียดของภาพถ่ายออกมาได้มากที่สุด ในรูปตัวอย่างด้านล่าง ผมถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ เทียบกับ Ultra HD เมื่อทำการ Crop ภาพจะเห็นเลยว่ารายละเอียดของภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Ultra HD นั้นสูงกว่าโหมดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ซ้าย: ปกติ/ ขวา: Ultra HD
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ดีไซน์โค้งมน หน้าจอ Full Screen กว้าง 5.7 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ดูภาพยนตร์เต็มตา
หน้าจอเป็นหน้าจอโค้งมน 2.5D ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด HD 1440 x 720 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 18:9 การที่เป็นหน้าจอแบบ 18:9 ทำให้การแบ่งหน้าจอ Split-screen สมบูรณ์แบบมากกว่าอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 เพราะจะแบ่งหน้าจอได้เป็นแบบ 1:1 สามารถดูภาพยนตร์ หรือดู Youtube ไปพร้อม ๆ กับเปิดอีเมล์, อ่านไลน์ หรือเล่น Facebook ได้ทันที
ดีไซน์ออกแบบมาให้มีความโค้งมน ตัวเครื่องขึ้นรูปแบบ Unibody ไร้รอยต่อ ให้สัมผัสที่ดี ใช้งานมือเดียวสะดวก และด้วยหน้าจอแบบชิดขอบ แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้ว แต่ขนาดตัวเครื่องพอ ๆ กับสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.2 นิ้วแบบอัตราส่วน 16:9 เท่านั้น
พอร์ตเชื่อมต่อก็ให้มาครบครัน ทั้งพอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB, พอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และถาดใส่ซิมแบบ 3 Slot ที่รองรับทั้งซิม 1, ซิม 2 และ Micro SD Card
Software/ ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 3.2 ที่มีพื้นฐานบน Android 7.1.1 Nougat เวลาใช้งานที่หน้าโฮม การปัดหน้าจอจากบนลงล่างเป็นการเรียก Notification Center ส่วนบรรดา Shotcut ต่าง ๆ เช่น เปิด – ปิด Wi-Fi, Cellular, Bluetooth ฯลฯ จะต้องใช้การปัดหน้าจอจากล่างขึ้นบน
ด้วยความที่เป็น ColorOS 3.2 มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่
- ฟีเจอร์ O-Share ส่งไฟล์ระหว่างมือถือ OPPO โดยไม่ง้ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วกว่าบลูทูธ 100 เท่า
- Split-screen แบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน
- หากสายเข้าระหว่างเล่นเกม เกมไม่หลุด และเลือกได้ว่าจะรับสายหรือไม่
- Smart albums ระบบ AIช่วยจำแนกประเภทรูปถ่ายและจัดเกมในอัลบั้มต่าง ๆ อย่างง่ายดาย
- ฟีเจอร์ Clone app ทำให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแชทได้ 2 บัญชี
- OPPO Game Acceleration ที่ออกแบบมาสำหรับคอเกมโดยเฉพาะ
ฟังก์ชั่นปลดล็อคด้วยใบหน้า
- รองรับการปลดล็อคเครื่องด้วยใบหน้า สะดวกมากขึ้นเมื่อสวมถุงมือหรือมือเปียกอยู่ เพียงแค่ยกมือถือขึ้นมาแล้วมองไปที่จอ การปลดล็อกด้วยใบหน้าทำได้รวดเร็วไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงเลยครับ โดยเฉพาะในที่ ๆ แสงเพียงพอ กดปุ่ม Power ปุ๊บ ตัวเครื่องก็จะปลดล็อกให้ทันที
เครื่องรีวิวจะเป็นรุ่นท็อปสุด OPPO A83 2018 64GB เปิดราคามาที่ 6,990บาท และนอกจากรุ่นในรีวิวแล้ว OPPO A83 2018 ยังมีรุ่นเล็กอีก 2 รุ่น ได้แก่ OPPO A83 2018 32GB กับรุ่นเล็กสุด OPPO A83 2018 16GB