vivo V30 5G สมาร์ทโฟนสายพอร์ตเทรตรุ่นใหม่ล่าสุดของ vivo หลังจากที่เปิดตัวแน่นอนว่าเราก็ต้องมารีวิวกันอยู่แล้ว โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือความสามารถระดับเทพในการถ่ายพอร์ตเทรตที่เทพยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังมาพร้อม Aura Light Potrait 3.0 รุ่นใหม่ที่มากความสามารถยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นราคาค่าตัวก็ยังคงเท่าเดิม เป็นอะไรที่ดีงามมาก
สเปคของ vivo V30 5G
- หน้าจอ : 3D Curved AMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล (1.5K), Refresh Rate 120Hz, 100% DCI-P3, ความสว่างสูงสุด 2,800nits
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3
- แรม : 12GB ชนิด LPDDR4X รองรับ Memory Booster 12GB
- หน่อยความจำ : 256GB / 512GB ชนิด UFS 2.2
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.88, OIS (wide)
- ตัวที่ 2 : 50MP, f/2.0, AF, 119˚ (ultrawide)
- กล้องหน้า : 50MP, f/2.0 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับ 80W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย Funtouch OS 14
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Dual Standby
- Wi-Fi 6 Dual-band
- Bluetooth 5.4
- GPS, GALILEO, GLONASS, QZSS, Beidou
- NFC
- USB Type-C 2.0
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint sensor (ใต้หน้าจอ)
- Accelerometer
- Ambient light sensor
- Proximity sensor
- E-compass
- Gyroscope
- มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น : IP54
- ขนาด : 164.36 × 75.1 × 7.45 มม.
- น้ำหนัก : 186 กรัม
- สี : เขียว Green Sea, ขาว White Shell, ดำ Night Sky Black
- ราคา :
- 12+256GB : 14,999 บาท
- 12 + 512GB : 17,499 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องของ vivo V30 5G นั้นจะมาด้วยดีไซน์เพรียวบางตามสไตล์ V Series พร้อมด้วยดีไซน์ฝาหลังที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดย vivo V30 5G นั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือสีเขียว Green Sea, สีขาว White Shell และสีดำ Night Sky Black ซึ่งท่าง vivo ได้นิยามเกี่ยวกับสีตัวเครื่องไว้ดังนี้
- Green Sea : สีเขียวน้ำทะเล เปรียบดั่งระลอกคลื่นใต้ผิวน้ำทะเลที่กระทบกับแสงแดด ชวนให้นึกถึงวันหยุดพักผ่อน ดูมีชีวิตชีวาผสมผสานความสงบและเยือกเย็นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
- White Shell : สีขาวมุก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเปลือกหอยธรรมชาติ ด้วยการแกะสลักเส้นสัมผัสกว่า 13 ล้านเส้น ผ่านเทคโนโลยี Photolithography สะท้อนแสงเป็นสีฟ้า เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
- Night Sky Black : สีดำไนท์สกายแบล็ก โดดเด่นด้วยกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสที่หรูหรา สง่างาม พรีเมียม เหนือกาลเวลา ตัวเครื่องประกายแวววาวราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวตอนกลางคืน
ซึ่งทางทีมงาน Specphone ได้รับเครื่องสีขาว White Shell และสีดำ Night Sky Black มาทำรีวิว ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแล้วชอบสีขาวมากเลย
ตัวโมดูลกล้องจะมาในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมุมโค้ง 2 อันวางเรียงต่อกันเป็นแนวตั้ง โดยข้างบนจะมีการวางเลนส์กล้องเอาไว้ ส่วนข้างล่างจะเป็นวงไฟแฟลช Aura Light Portrait 3.0 ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนแล้วขนาดจะมีใหญ่ขึ้น 19 เท่า และนุ่มนวลขึ้น 50 เท่า
ตัวหน้าจอจะมาเป็นหน้าจอ Punch Hole แบบ 3D Curved Screen พาแนล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ 1.5K รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และรองรับการแสดงผลขอบเขตแบบ DCI-P3 100% แต่ที่พิเศษกว่าเดิมคือความสว่างหน้าจอของ vivo V30 5G นั้นสามารถปรับความสว่างเฉพาะจุดได้สูงสุดถึง 2,800 nits เลยทีเดียว
สำหรับโดยรอบข้างตัวเครื่องนั้นปุ่มทั้งหมดจะรวมกับอยู่ที่ฝั่งขวาไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-ปิด ที่ขอบด้านบนจะมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียและข้อความ “PROFESSIONAL PORTRAIT” ส่วนที่ขอบด้านล่างจะมีลำโพง, พอร์ต USB Type-C, รูไมโครโฟน และถาดใส่ซิมแบบ Dual-slot
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการของ vivo V30 5G ทันทีที่แกะกล่องออกมาจะได้เป็น Funtouch OS 14 ที่เป็น Android 14 ซึ่งตัว UI นั้นเป็นดีไซน์แบบ Minimal เหมือนรุ่นก่อนๆ สามารถปรับเปลี่ยนธีม, ไอคอน หรือฟอนต์ ได้อย่างอิสระโดยการโหลดผ่านท่างแอปฯ ชื่อ “ธีม” แต่สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นก่อนก็คือใน vivo V30 5G นั้นแรมที่สามารถเพิ่มแรมได้ 12GB จากแต่เดิม 8GB
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
เรื่องการใช้งานทั่วไปของ vivo V30 5G ในการใช้งานทั่วไปอย่างการเล่นโซเชียลหรือดูหนังก็ทำออกมาได้ดี ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ตัวเครื่องลำโพงเพียงตัวเดียวก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อพูดถึงการใช้งานโดยรวมแล้วก็นับว่าลื่นไหล สิ่งที่ดีงามที่สุดของ vivo V30 5G เครื่องนี้ก็คือการจับถือตัวเครื่องที่เบาบางกว่าสมาร์ทโฟนในเรทราคาเดียวกัน พร้อมด้วยขอบข้างที่มีความบางมากๆ ทำให้การจับถือสบายมือขึ้นเยอะ
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ซึ่งจากที่ลองใช้งานแบบจัดเต็มมาหนึ่งวันเต็มๆ ทั้งเล่นโซเชียลแบบต่อเนื่อง เปิดกล้องถ่ายรูปบ่อยๆ และเล่นเกมแบบต่อเนื่อง ทั้งเกมหนักๆ และเกมเบาๆ หลังผ่านไปราวๆ 8 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลดไปราวๆ 60% เท่านั้น ซึ่งถือว่าลดไปไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับการใช้งาน หากเป็นคนที่ใช้งานไม่หนักดีไม่ดีอาจจะใช้ได้ยันวันที่สองเลยก็ได้
สำหรับในเรื่องการชาร์จนั้นได้ทำการทดลองชาร์จหลังจากที่แบตเตอรี่หมดในแบบที่เครื่องบังคับปิดไปเลย โดยชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 80W ที่ให้มาในกล่อง ซึ่งในช่วง 10 นาทีแรก จะได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 17% และถึง 50% ภายในเวลา 27 นาที เมื่อรวมระยะเวลาชาร์จตั้งแต่หมดจนถึงเต็ม 100% จะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 56 นาที ซึ่งถือว่าไม่ได้นานเลย และถ้ารีบๆ ชาร์จสัก 15 นาทีก็จะได้แบตเตอรี่มากพอที่จะใช้งานต่อไปได้อีกหลายชั่วโมง แต่จุดที่พบเพิ่มในระหว่างการชาร์จก็คือตัวเครื่องมีความร้อนสะสมอยู่ในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่อยากแนะนำให้ชาร์จไปเล่นไปนะครับ
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นตัว vivo V30 5G มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3 ซึ่งเป็นชิปรองเรือธง ทำให้มีความแรงที่มากเกินพอที่จะเอาไปเล่นเกมได้ทุกเกม โดยเกมที่ได้เอาไปลองเล่นมาจะมี RoV และ PUBG Mobile ที่เป็นเกมสามัญ Genshin Impact ที่เป็นเกมเผาเครื่อง และเกม Pizza Ready ที่เป็นเกม Idle
ซึ่งจากที่ได้เล่นไประยะหนึ่งเครื่องจะเริ่มอุ่นขึ้นมาแต่ไม่ถึงกับร้อน ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะตัวเครื่องที่มีความบางอย่างมาก ทำให้ความาร้อนแผ่มาถึงมือเร็วกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่นั่นก็ทำให้ความร้อนระบายเร็วด้วย นอกจากนี้ใน vivo V30 5G ยังมีตัวช่วยระบายความร้อน Ultra Large Smart Cooling System มาช่วยเพิ่มด้วย ทำให้การระบายความร้อนทำได้อย่างรวดเร็ว
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่านภาพนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของ vivo V30 5G เครื่องนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยกล้องหลังคู่ความละเอียด 50MP ที่ประกอบไปด้วยกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ อีกทั้งกล้องหน้าเซลฟี่ยังเป็นกล้องความละเอียด 50MP ด้วยเช่นกัน แต่ที่น่าสนใจกว่าคือไฟแฟลช Aura Light Portrait ที่ตอนนี้พัฒนาจนเป็นรุ่น 3.0 แล้วนั้นมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทำให้ได้แสงที่สว่างกว่า นุ่มนวลขึ้น และร่วมกับโหมดอื่นได้ด้วย เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง vivo V29 5G นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เยอะขึ้น ทำให้การถ่ายภาพมีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนการบันทึกวิดีโอทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังตอนนี้สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K @30FPS
สำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใหม่ใน vivo V30 5G จะมีดังนี้
- Aura Light ใหม่ : นุ่มนวลขึ้น ควบคู่ไปกับความสว่างที่เหมาะสม ช่วยให้ใบหน้าสว่าง ละมุน เป็นธรรมชาติ
- AI Powered Photography : ระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้ออร่าตามสภาพแวดล้อมการถ่ายภาพ
- Far / Near Lighting : ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณได้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้ละระยะไกล
- Smart Color Temperature Adjustment : ช่วยปรับโทนออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้มอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็น ช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตดูสว่างและคมชัดอย่างเป็นธรรมชาติ
- Color-Adaptive Border : กรอบภาพแบบปรับสีอัตโนมัติ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการถ่ายภาพโพลารอยด์ ซึ่งจะให้อัลกอริทึมขั้นสูงวิเคราะห์สีสันและเนื้อหาของภาพอย่างละเอียด และนำไปคำนวนหาโทนสีที่เหมาะสม ทำให้ทุกเฟรมมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- Beach Portrait : ฟีเจอร์ที่ทาง vivo ร่วมกันออกแบบกับอินฟูลเอนเซอร์ระดับโลก ให้คุณสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตบนชายหาดได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการปรับแต่งแยกระหว่างใบหน้าและพื้นหลัง มาพร้อมฟิลเตอร์ โบเก้ และ HDR ย้อนแสง
- Aura Light Food Mode : โหมดถ่ายภาพที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายอาหารโดยเฉพาะ สว่างและคมชัดขึ้น เพิ่มความน่าสนใจด้วยการทำโบเก้พื้นหลัง และช้เทคโนโลยี 3D เสมือนจริงมาช่วยปรับโทนภาพให้สดใสน่าทานยิ่งขึ้น
- Micro Movie : ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์สาย Vlog มี Template แบบเรียลไทม์ให้เลือก เพิ่มความสามารถในการปรับแต่งภาพพอร์ตเทรตไปจนถึงการแก้ไขวิดีโอเพื่อสาย Vlog โดยเฉพาะ อีกทั้งยังสามารถปรับโฟกัส แสง และสกินโทนระหว่างถ่ายได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายพอร์ตเทรตด้วย Aura Light Portrait 3.0
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นบอกเลยว่าคราวนี้ทาง vivo จัดเต็มมากกับฟีเจอร์ด้านกล้อถ่ายภาพที่จัดเต็มทั้งความละเอียด ฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมให้ภาพออกมาดูสวยงาม อีกทั้งด้วย Aura Light Potrait 3.0 รุ่นใหม่ที่มากความสามารถขึ้น ทำให้การถ่ายภาพมีความหลากหลายมากขึ้น แถมยังยังสามารถเล่นให้แหวกแนวกว่าใครๆ ได้ด้วย แน่นอนว่าสเปคอื่นๆ ที่ให้มานั้นก็นับว่าไม่ธรรมดา ทั้งชิปประมวลผลรองท๊อปอย่าง Snapdragon 7 Gen 3 แรมขนาด 12GB + 12GB ระบบชาร์จขนาด 80W จะบอกว่า vivo V30 5G เครื่องนี้เป็นน้องๆ เรือธงเลยก็ว่าได้ แต่ที่ทำให้ผู้เขียนว้าวที่สุดก็คือถึงจะอัดสเปคมาให้ขนาดนี้ เพิ่มฟีเจอร์มาให้อย่างเยอะ แต่ราคาค่าตัวกลับเท่าเดิมเหมือนรุ่นก่อนที่ 14,999 บาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลย
ใครที่สนใจก็ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ vivo.com/th และสามารถไปลองเล่นหรือซื้อเครื่องได้ที่ vivo Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ได้เลย โดยค่าตัวของ vivo V30 5G จะอยู่ที่ 14,999 บาทสำหรับรุ่น 256GB และ 17,499 บาท สำหรับรุ่น 512GB ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป พร้อมรับของแถมฟรี V30 Series 5G Premium Gift Box ซึ่งจะประกอบไปด้วย เคส 2 ชิ้น พร้อมสายคล้องสะพายข้าง รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้งภายใน 2 ปีแรก มูลค่า 10,499 บาท
จุดเด่น
- เครื่องเบางบางมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ในเรทราคาเดียวกัน
- ได้หน้าจอ AMOLED ขอบโค้งที่มีความละเอียดระดับ 1.5K
- ได้ชิป Snapdragon 7 Gen 3
- ได้แรมเยอะถึง 12GB และยังเพิ่มได้อีก 12GB
- มาพร้อมความจุ 256GB. ตั้งแต่แรกเลย
- ได้กล้อง 50MP ทุกตัว แถมด้วยฟีเจอร์มห้เล่นเพียบ
- ไฟแฟลช Aura Light ทรงเหลี่ยม มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ได้แสงที่สว่างขึ้นแต่ก็นุ่มนวลขึค้นด้วยเช่นกัน
- แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ที่สามารถใช้งานได้ครบวันสบายๆ
- ชาร์จเร็ว 80W ที่ใช้เวลาชาร์จไม่ถึงชั่วโมงก็เต็ม แถมให้อะแดปเตอร์มาในกล้องไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ข้อสังเกต
- โมดูลกล้องมีความนูนจากตัวเครื่องเล็กน้อย ทำให้มีโอกาสที่ตัวกระจกเลนส์จะโดนบางอย่างกระแทกจนแตกได้
- ลำโพงตัวเครื่องมีแค่ตัวเดียว
- รู้สึกถึงความร้อนได้ค่อนข้างเร็ว
- ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้